In News
นายกฯเปิดเอ็มโอยู'สุขกายสบายกระเป๋า' 4หน่วยงานยกระดับบริการทางการแพทย์
กรุงเทพฯ-นายกฯ อนุทิน เป็นประธานงาน MOU โครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” 4 หน่วยงานจับมือยกระดับบริการทางการแพทย์ลดภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชนเข้าถึงการรักษามากขึ้น เชื่อช่วยลดค่าครองชีพกว่า 30,000 ล้านบาท
วันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 เวลา 14.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” ระหว่างกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข และสมาคมโรงพยาบาลเอกชน โดยมีนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายวรโชติ สุคนธ์ขจร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงพาณิชย์ อธิบดีกรมการค้าภายใน อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ผู้แทนจากโรงพยาบาล และตัวแทนร้านขายยาทั่วประเทศ ร่วมงาน
นายอนุทิน กล่าวเปิดโครงการว่า วันนี้ได้มาร่วมกับทุกท่าน เพื่อเป็นสักขีพยานในการขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจและสาธารณสุขครั้งสำคัญของประเทศไทย ถือเป็นการปรับเปลี่ยนแนวทางการให้บริการทางการแพทย์ครั้งยิ่งใหญ่ รัฐบาลให้ความสำคัญกับงานด้านสาธารณสุขของประเทศ ซึ่งเกี่ยวข้องกับสุขภาพของประชาชน ปัจจุบันโรงพยาบาลรัฐมีผู้ป่วยไปรอรับการรักษาจำนวนมาก ในขณะที่การไปใช้บริการที่โรงพยาบาลเอกชนมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ทั้งค่ายาและค่าเวชภัณฑ์ รัฐบาลมีนโยบาย Quick Big Win ที่ต้องการลดค่าครองชีพของประชาชนในทุกมิติ จึงได้มอบนโยบายให้กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงสาธารณสุข หาแนวทางแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย ด้านการรักษาพยาบาล โดยได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชน โดยเฉพาะสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ในการขับเคลื่อนนโยบายนี้ร่วมกัน
โครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” เป็นหนึ่งใน Quick Big Win ที่เน้นกระตุ้นสั้น ได้ผลยาว และกระจายตัว โดยให้โรงพยาบาลเอกชนเปิดเผยรายการยาและค่ายา เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้รับบริการที่โรงพยาบาลเอกชนมีข้อมูลที่ชัดเจน สามารถตัดสินใจเลือกซื้อยาในโรงพยาบาล หรือนอกโรงพยาบาลได้ เป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับประชาชน และสามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยได้ ทั้งนี้ ในภาพรวมจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้ประชาชน เข้าถึงโรงพยาบาลเอกชนเพิ่มขึ้น และลดความแออัดในโรงพยาบาลรัฐ วันนี้มี 4 หน่วยงาน ได้แก่ กรมการค้าภายใน กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และสมาคมโรงพยาบาลเอกชนที่ร่วมลงนาม MOU ด้วยกัน ซึ่งจะช่วยผลักดันให้เกิดความร่วมมือในการแสดงรายละเอียดในใบสั่งยาของโรงพยาบาลเอกชนอย่างถูกต้องและครบถ้วน โดยต้องแสดงรายการยา ข้อบ่งใช้ยา และราคายา เพื่อให้ผู้รับบริการมีข้อมูลสำหรับการตัดสินใจเลือกซื้อยาในโรงพยาบาลเอกชน หรือจะนำใบสั่งยาไปซื้อยาที่ร้านขายยานอกโรงพยาบาล
"ผมมีความยินดีที่ทราบว่าในขณะนี้มีโรงพยาบาลเอกชนสมัครใจเข้าร่วมโครงการแล้วมากกว่า 300 แห่ง และ มีร้านขายยามากกว่า 3,400 แห่งลงทะเบียนกับทาง อย. และมีตราสัญลักษณ์โครงการเตรียมพร้อมที่จะให้บริการแก่ประชาชนแล้ว นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถรับบริการผ่านช่องทาง Telepharmacy ที่ได้ขึ้นทะเบียนกับสภาเภสัชกรรมได้ด้วย นโยบายนี้จะทำให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรมด้านราคา และมั่นใจได้ว่า ได้ซื้อยาจากร้านขายยาที่มีคุณภาพมาตรฐาน คาดว่าจะช่วยลดค่าครองชีพของประชาชนได้ไม่น้อยกว่า 30,000 ล้านบาทต่อปี และยังเป็นการพัฒนาและยกระดับการบริการสาธารณสุขให้มีประสิทธิภาพ มีความโปร่งใส และเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้การสนับสนุนโครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” และทำให้เกิด MOU นี้ขึ้น รัฐบาลเชื่อมั่นว่าการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ และสมาคมโรงพยาบาลเอกชนในครั้งนี้จะทำให้การสาธารณสุขของประเทศ เป็นการให้บริการที่เข้าถึงคนไทยทุกคน และสร้างความเชื่อมั่นให้ชาวต่างชาติและนักลงทุนซึ่งเป็นการยกระดับการพัฒนาระบบสุขภาพและอุตสาหกรรมทางการแพทย์ให้ก้าวหน้าไปอีกขั้นหนึ่ง" นายอนุทินกล่าว
ทั้งนี้ ภายหลังพิธีฯ นายกฯ และคณะได้เยี่ยมชมนิทรรศการโรงพยาบาลเอกชนและร้านขายยา ณ บริเวณโถงกลาง ตึกสันติไมตรี เพื่อร่วมทดลองใช้บริการการรับยาภายในโรงพยาบาลภายใต้โครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า”
