In News

นายกฯอนุทินเตรียมเยือนสิงคโปร์7พ.ย.นี้ ร่วมผลักดันเศรษฐกิจ-ดิจิทัล-สาธารณสุข



กรุงเทพฯ-นายกฯ อนุทิน เตรียมเยือนสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ 7 พ.ย. 68 นี้ ฉลอง 60 ปีมิตรภาพไทย–สิงคโปร์พร้อมผลักดันความร่วมมือเศรษฐกิจ–ดิจิทัล–สาธารณสุข สร้างพลังขับเคลื่อนใหม่ให้ภูมิภาค ก่อนหน้านี้ครม. เห็นชอบ MOC จัดทำร่างบันทึกความร่วมมือดังกล่าวถือเป็นการยกระดับความสัมพันธ์ทางการค้าและความร่วมมือระหว่างสองประเทศไทยแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารในภูมิภาคและสร้างกลไกความร่วมมือด้านการค้าอย่างเป็นระบบและยังช่วยเพิ่มโอกาสในการส

วันนี้ (วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน 2568) เวลา 08.26 น. นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีกำหนดการเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 นี้ ตามคำเชิญของนายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ เพื่อกระชับความสัมพันธ์และผลักดันความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ ระหว่างสองประเทศ รวมทั้งเข้าร่วมงาน SET Government Roadshow 2025 

การเยือนครั้งนี้ถือเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งที่ 4 ของนายกรัฐมนตรี โดยมีความสำคัญเป็นพิเศษในโอกาส ครบรอบ 60 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–สิงคโปร์ และเป็นการตอบแทนการเยือนไทยของนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยถึงกำหนดการสำคัญ โดยนายกรัฐมนตรีมีกำหนดเดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติชางงี สาธารณรัฐสิงคโปร์ ในช่วงเช้าวันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 เพื่อเข้าร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ซึ่งประกอบด้วย พิธี VIP Orchid Naming Ceremony ณ Singapore Botanic Gardens พิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ณ กระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ การหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ พิธีแลกเปลี่ยนความตกลง โดยมีนายกรัฐมนตรีไทยและสิงคโปร์ร่วมเป็นสักขีพยาน และการแถลงข่าวร่วม

ขณะที่ในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีจะเข้าเยี่ยมคารวะประธานาธิบดีสิงคโปร์ และเข้าร่วมงาน SET Government Roadshow 2025 เพื่อกล่าวปาฐกถาพิเศษและพบปะนักลงทุนชั้นนำ พร้อมพบปะชุมชนไทย แรงงานไทย และนักศึกษาไทยในสิงคโปร์ ก่อนเดินทางกลับประเทศไทยในช่วงค่ำวันเดียวกัน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า การเยือนครั้งนี้ มุ่งรักษาพลวัตความร่วมมือเชิงบวก ระหว่างไทยและสิงคโปร์อย่างต่อเนื่อง โดยนายกรัฐมนตรีจะต่อยอดจากการหารือทวิภาคีในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียนเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะมีการหารือในหลายประเด็นสำคัญ อาทิ การส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียว ความร่วมมือด้านสาธารณสุขและการดูแลผู้สูงอายุ การต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะ online scams

นอกจากนี้ยังคาดว่าจะมีการลงนามเอกสารความร่วมมือ 2 ฉบับ เพื่อขยายความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจและสาธารณสุข ได้แก่1. บันทึกความร่วมมือด้านการค้าข้าวระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลสิงคโปร์ (MOC on Rice Trade) เพื่อสนับสนุนความมั่นคงทางอาหาร และ 2. บันทึกความเข้าใจระหว่างกรมการแพทย์และ Singapore Health Services (MOU on Healthcare Leadership in Urban Ageing Care) เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และยกระดับการดูแลผู้สูงอายุอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสองประเทศให้ก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรมทั้งในมิติของเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชน

“นายกรัฐมนตรีพร้อมส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทยและสิงคโปร์ให้ก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในมิติของเศรษฐกิจ การแพทย์ และความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งตอกย้ำความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นในฐานะประเทศเพื่อนบ้านและหุ้นส่วนสำคัญในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งยังเป็นโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–สิงคโปร์ และเป็นเวทีสำคัญในการกำหนดทิศทางความร่วมมือระหว่างสองประเทศให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของภูมิภาคและเศรษฐกิจโลก เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างกันอย่างยั่งยืน” นายสิริพงศ์กล่าว

ครม. เห็นชอบ MOC ด้านการค้าข้าวระหว่างไทยกับสิงคโปร์

ก่อนหน้านี้เมื่อ4 พฤศจิกายน 2568 นายสิริพงศ์ อักล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือ (MOC) ด้านการค้าข้าวระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์ ซึ่งเป็นความตกลงการซื้อขายข้าวระหว่างรัฐต่อรัฐ ตามที่กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เสนอ โดยมีร่างบันทึกความร่วมมือดังกล่าวมีสาระสำคัญ ได้แก่

1) ขอบเขตความร่วมมือ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารในภูมิภาคและส่งเสริมการค้าระหว่างสองประเทศ โดยรัฐบาลไทยตกลงที่จะขายข้าวให้แก่รัฐบาลสิงคโปร์ปริมาณสูงสุดไม่เกิน 100,000 ตัน ตลอดระยะเวลา MOC นี้ โดยขึ้นอยู่กับความต้องการของรัฐบาลสิงคโปร์ ในราคาตลาดระหว่างประเทศ ณ ขณะนั้น
2) รัฐบาลไทยมอบหมายกรมการค้าต่างประเทศ พณ. เป็นหน่วยงานหลัก และรัฐบาลสิงคโปร์มอบหมายสำนักงานอาหารสิงคโปร์ (Singapore Food Agency : SFA) เป็นหน่วยงานหลัก 
3) ข้อพิพาทใดๆ เกี่ยวกับการตีความหรือการดำเนินการตาม MOC นี้จะได้รับการแก้ไขอย่างสันติ โดยการปรึกษาหารือหรือเจรจาระหว่างคู่ภาคี
4) ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจทำหนังสือขอทบทวน แก้ไข หรือปรับปรุง MOC นี้ทั้งหมดหรือบางส่วนได้ ทั้งนี้ การแก้ไขหรือปรับปรุงใด ๆ ที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันจะถูกทำเป็นเอกสารและถือเป็นส่วนหนึ่งของบันทึกความร่วมมือนี้
5) จะมีผล ณ วันที่ลงนามเป็นระยะเวลา 5 ปี เว้นแต่แจ้งความประสงค์ที่จะทำให้ MOC นี้สิ้นสุดเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านช่องทางการทูตอย่างน้อย 6 เดือน และสามารถต่ออายุออกไปคราวละ 5 ปี โดยต้องได้รับความยินยอมร่วมกันเป็นลายลักษณ์อักษร

ทั้งนี้ การจัดทำร่างบันทึกความร่วมมือดังกล่าวถือเป็นการยกระดับความสัมพันธ์ทางการค้าและความร่วมมือระหว่างสองประเทศไทยแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารในภูมิภาคและสร้างกลไกความร่วมมือด้านการค้าอย่างเป็นระบบและยังช่วยเพิ่มโอกาสในการส่งออกเข้าไทยไปยังตลาดสิงคโปร์มากขึ้น โดยเอกสารดังกล่าวไม่เป็นหนังสือสัญญาตาม ม. 178 ของรัฐธรรมนูญ