Travel Sport & Entertain

'ฮอนด้าแอลพีจีเอไทยแลนด์'ปีนี้จัดใหญ่ เพิ่มเงินรางวัล60ล.ตัวตึงกอล์ฟมาครบ



กรุงเทพฯ-10 พฤศจิกายน 2568 ฮอนด้า ผู้นำด้านเทคโนโลยีการขับเคลื่อนแห่งอนาคต ผนึกกำลัง 3 บริษัทในเครือ ได้แก่ บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้ามอเตอร์ จำกัด บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด ร่วมกับผู้จัดการแข่งขัน บริษัท ไอเอ็มจี เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศความพร้อมจัดศึกกอล์ฟสตรีระดับโลก “ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2026” ครั้งที่ 19 ระหว่างวันที่ 19–22 กุมภาพันธ์ 2569 ณ สยามคันทรีคลับ โอลด์คอร์ส พัทยา จ.ชลบุรี โดยมีนักกอล์ฟชั้นนำจากแอลพีจีเอทัวร์ 72 คนร่วมดวลวงสวิง พร้อมชิงเงินรางวัลรวมที่เพิ่มขึ้นจาก 1.7 ล้านดอลลาร์ฯ เป็น 1.8 ล้านดอลลาร์ฯ (ประมาณ 60 ล้านบาท)

ในปีนี้ นักกอล์ฟไทยและญี่ปุ่นยังคงเป็นที่จับตามองจากผลงานอันโดดเด่นบนเวทีโลก สะท้อนถึงพลังใหม่ของเอเชียในวงการกอล์ฟนานาชาติ โดยการแข่งขันยังคงเดินหน้าด้วยคอนเซ็ปต์ “ไลฟ์สไตล์กอล์ฟ” ที่ผสานทั้งกีฬาและความบันเทิงเข้าด้วยกัน เพื่อมอบความตื่นเต้นและแรงบันดาลใจให้กับผู้ชมทุกกลุ่ม

มรโทชิโอะ คุวาฮาระ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “กอล์ฟสตรีในปัจจุบันได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความเท่าเทียมในวงการกีฬา ฮอนด้า ในฐานะผู้สนับสนุนหลักของการแข่งขัน “ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์” มาตั้งแต่ปี 2006 รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ประกาศจัดการแข่งขันครั้งที่ 19 ในปี 2026 โดยจะมีนักกอล์ฟหญิงระดับโลก 72 คนมาร่วมประชันฝีมือ ให้แฟนกีฬาทั่วโลกได้ร่วมลุ้นแชมป์ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา การแข่งขันรายการนี้ไม่เพียงเป็นเหนึ่งในเวทีสำคัญที่ผลักดันให้นักกอล์ฟสตรีไทยก้าวสู่ระดับโลก หากยังมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และภาพลักษณ์ของประเทศไทย อีกทั้งยังมุ่งมั่นสร้างสังคมที่ยั่งยืน ผ่านกิจกรรมเพื่อเยาวชนและชุมชนอย่างต่อเนื่อง”

“ฮอนด้าเชื่อมั่นใน พลังแห่งความฝัน (The Power of Dreams) และมุ่งมั่นผลักดันผู้คนและสังคมให้ก้าวสู่ความฝันของตน เราสนับสนุนให้นักกีฬาและแฟนกีฬาได้กล้าเผชิญกับความท้าทาย และก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเอง ผ่านเวทีการแข่งขันระดับโลกอย่าง ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ ซึ่งเป็นเวทีขับเคลื่อนความฝันสำหรับผู้ที่รักในกีฬากอล์ฟ ในการแข่งขันครั้งนี้ ฮอนด้าพร้อมส่งมอบความสนุกผ่านเกมการแข่งขันและกิจกรรมมากมาย พร้อมต้อนรับแฟนกอล์ฟจากทั่วประเทศและทั่วโลกให้มาร่วมชมและเชียร์อย่างเต็มรูปแบบ ฮอนด้าขอขอบคุณผู้สนับสนุนและพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงผู้จัดการแข่งขันและทีมงานเบื้องหลังที่ร่วมกันทำให้การแข่งขันครั้งนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง”

มิสวินนี่ เฮง รองประธานอาวุโสและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอเอ็มจี เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดการแข่งขัน กล่าวว่า “ช่วงต้นปีที่ผ่านมาเราทำสถิติผู้ชมในสนามกว่า 50,000 คน ตอกย้ำศักยภาพของกีฬากอล์ฟในไทยและเอเชียเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และไม่มีช่วงเวลาใดเหมาะสมไปกว่าตอนนี้ที่จะหันมาสนใจกีฬากอล์ฟ เป้าหมายของเราคือทำให้ทั้ง

ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ และกอล์ฟ เป็นกีฬาที่เข้าถึงได้ง่าย ด้วยความร่วมมือระหว่างฮอนด้า ไอเอ็มจี และพันธมิตรทุกภาคส่วน เราเชื่อมั่นว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้อย่างแน่นอน พร้อมนำเสนอประสบการณ์การชมกอล์ฟในมิติใหม่ที่ผสานกีฬาเข้ากับไลฟ์สไตล์อย่างลงตัว  

สำหรับนอกสนาม ยังคงอัดแน่นด้วยกิจกรรมพัฒนาบุคลากรและเยาวชนอย่างยั่งยืน อาทิ โครงการฝึกงานเยาวชน Young Ambassador Programโครงการอาสาสมัครภาคสนาม Volunteerการแข่งขันรอบคัดเลือกระดับประเทศ National Qualifiersกิจกรรมเพื่อสังคม CSR และ โครงการอบรมกอล์ฟเยาวชน Junior Golf Program ซึ่งในปีที่ผ่านมาได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากนักกอล์ฟเยาวชนและผู้ปกครอง

ก่อนประกาศรายชื่ออย่างเป็นทางการในเดือนมกราคมปี 2026 นักกอล์ฟจากไทยและญี่ปุ่นคือสองประเทศที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ อาทิ เช่น จีโน่–อาฒยา ฐิติกุล มือหนึ่งของโลก, แพตตี้–ปภังกร ธวัชธนกิจ แชมป์ปี 2024, เม–เอรียา จุฑานุกาล แชมป์ปี 2021 และพราว–ชเนตตี วรรณแสน จากแชมป์ 2 สมัย National Qualifiers สู่แชมป์แอลพีจีเอ 2 รายการ

นักกอล์ฟญี่ปุ่นก็มาแรงไม่แพ้กันด้วย 7 แชมป์ตั้งแต่ต้นฤดูกาล 2025 นำโดย มิยู ยามาชิตะ แชมป์รายการเมเจอร์ วีเมนส์ บริติช โอเพ่น และเมย์แบงก์ แชมเปียนชิพ รวมถึงนักกอล์ฟรุ่นใหม่อย่าง ริโอะ ทาเคดะ แชมป์ บลูเบย์ แอลพีจีเอ, มาโอะ ไซโกะ แชมป์รายการเมเจอร์ เชฟรอน แชมเปียนชิพ และคู่แฝด อากิเอะ–ชิซาโตะ อิวาอิ ที่คว้าแชมป์ พอร์ตแลนด์ คลาสสิก และแชมป์ริเวรา มายา โอเพ่น และล่าสุด  นาสะ ฮาตาโอกะ เพิ่งคว้าแชมป์โตโต เจแปน คลาสสิก ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

ด้วยศักยภาพของนักกอล์ฟไทยตลอดกว่าทศวรรษที่ผ่านมา นับตั้งแต่ เม-เอรียา จุฑานุกาล คว้าแชมป์แอลพีจีเอทัวร์เป็นคนแรกของไทย นักกอล์ฟไทยก็ยืนหยัดอยู่แถวหน้าของทัวร์ระดับโลกอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันคว้าแชมป์แล้วรวม 30 รายการจากนักกอล์ฟ 7 คน ในจำนวนนี้เป็นแชมป์เมเจอร์ 3 รายการ ได้แก่ เม–เอรียา จุฑานุกาล (12 แชมป์ รวม 2 เมเจอร์)จีโน่–อาฒยา ฐิติกุล (6 แชมป์)จัสมิน-ธิฎาภา สุวัณณะปุระ (3 แชมป์)โม-โมรียา จุฑานุกาล (3 แชมป์)พราว–ชเนตตี วรรณแสน (2 แชมป์)แพตตี้–ปภังกร ธวัชธนกิจ (2 แชมป์ รวม 1 เมเจอร์) และ เมียว-ปาจรีย์ อนันต์นฤการ (2 แชมป์)  อีกทั้งยังมีนักกอล์ฟไทยถึง 3 คนที่ติด 50 อันดับแรกของโลก โดยจีโน่–อาฒยา ฐิติกุล รั้งมือหนึ่งโลกในปัจจุบัน

ขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นถือเป็นผู้บุกเบิกนักกอล์ฟเอเชียบนเวทีโลก เริ่มจากอายาโกะ โอคาโมโตะ ที่คว้าแชมป์แอลพีจีเอครั้งแรกในปี 1974 จนถึงปัจจุบันนักกอล์ฟญี่ปุ่นสะสมแล้ว 66 แชมป์จาก 24 คน รวม 7 เมเจอร์ โดย ยูกะ ซาโสะ ครองแชมป์เมเจอร์มากที่สุด 2 รายการ ล่าสุดในฤดูกาล 2025 นักกอล์ฟญี่ปุ่นโชว์ฟอร์มร้อนแรง นอกจากจะคว้าแชมป์แล้ว 6 รายการ ยังมีผู้เล่นติด 50 อันดับแรกของโลกถึง 10 คน และกวาด 4 อันดับแรกของคะแนนรุกกี้แห่งปี ตอกย้ำพลังการแข่งขันที่กำลังมาแรงของกอล์ฟญี่ปุ่นบนเวทีโลก

จีโน่-อาฒยา ฐิติกุล กล่าวว่า “ถ้ามีช่วงเว้นจากการแข่ง จีนเองก็ชอบแวะกลับไทยอยู่แล้ว การกลับมาฉลองวันเกิดกับครอบครัวและลงแข่ง ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของทุกปีค่ะ เหมือนได้มาเติมพลังกับแฟนๆ ชาวไทย แล้วยังได้มาส่งต่อแรงบันดาลใจให้น้องๆ เยาวชนด้วย แล้วมาเจอกันเดือนกุมภาพันธ์นี้นะคะ"

ด้านแองเจิล หยิน แชมป์เก่า ปี 2025 ชาวอเมริกัน ยืนยันจะกลับมาป้องกันแชมป์ เธอกล่าวว่า “ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ เป็นหนึ่งในทัวร์นาเมนต์ที่ประทับใจที่สุด ไม่ใช่แค่เรื่องการแข่งขัน แต่เพราะบรรยากาศเต็มไปด้วยพลัง การต้อนรับที่อบอุ่นของแฟนๆ ได้ไปฉลองแชมป์นี้ด้วยการไปดูทิฟฟานี่โชว์ พัทยาด้วย สนุกมากๆ พร้อมแล้วที่จะได้กลับมาอีกครั้ง”

เปิดจำหน่ายบัตรแล้วผ่านทางเว็บไซต์ hondalpgathailand.com โดยกำหนดราคาบัตรเข้าชมวันเดียว พฤหัส-ศุกร์ วันละ 500 บาท เสาร์–อาทิตย์ วันละ 700 บาท  บัตรเข้าชมสองวัน (เสาร์–อาทิตย์) ราคา 1,200 บาท และบัตรเข้าชมครบทั้ง 4 วัน ราคา 1,600 บาท ผู้ชมอายุต่ำกว่า 16 ปี และมากกว่า 60 ปี สามารถลงทะเบียนเข้าชมฟรีผ่านทางเว็บไซต์ดังกล่าว