In News
รัฐบาลเผยขั้นตอนการดำเนินงานศป.กฉ. ช่วยเหลือผู้ประสบภัยจังหวัดสงขลา
กรุงเทพฯ-“ศป.กฉ.” เดินหน้าบูรณาการรับมืออุทกภัยภาคใต้ พร้อมเปิดศูนย์บริจาค–ชวนอาสาสมัครร่วมทำงานกับหน่วยกู้ภัย ลงทะเบียนผ่านแอปฯ “ทางรัฐ” ย้ำข่าวลือ ฮ.ตก ไม่จริง และขั้นตอนดำเนินงาน "ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.)" ช่วยเหลือผู้ประสบภัย จ.สงขลา
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 เวลา 12.00 น. ณ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.) ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกศูนย์ ศป.กฉ. และพลโท วันชนะ สวัสดี โฆษกศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัยส่วนหน้า ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังการประชุมศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย ครั้งที่ 1/2568 สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย กล่าวว่า ศป.กฉ. จะกำหนดแนวทางการสื่อสารต่อสาธารณะอย่างเป็นระบบมากขึ้น โดยจะมีการแถลงข่าวประจำวัน 2 ครั้ง ได้แก่ หลังการประชุมเวลา 09.00 น. และการแถลงข่าวเพิ่มเติมในช่วงเย็น โดยจะประกาศเวลาอย่างเป็นทางการอีกครั้ง สำหรับแนวทางการดำเนินการของ ศป.กฉ. ได้มีการจัดระบบและระเบียบให้มีความครอบคลุมต่อสถานการณ์
ด้านโฆษกประจำศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัยส่วนหน้า กล่าวว่า ศป.กฉ. ส่วนหน้า ตั้งขึ้นที่กองบิน 56 จ.สงขลา มีผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นผู้รับผิดชอบในการบูรณาการและกระชับงานให้มีความรวดเร็ว โดยในพื้นที่วิกฤตที่อำเภอหาดใหญ่ ได้มีการแบ่งโซนพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้ 1) ส่วนที่วิกฤต อำเภอหาดใหญ่ และ 2) อำเภออื่นๆ ซึ่งสำหรับการดูแลในอำเภออื่นๆ จะมีกองพันประจำอำเภอดูแล ขณะที่อำเภอหาดใหญ่ปัจจุบันแบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 พื้นที่ และมีหน่วยในการดูแลทั้ง 4 พื้นที่อย่างชัดเจนเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ การจัดตั้งศูนย์ ศป.กฉ. แบ่งเป็นส่วนบังคับบัญชา ส่วนสนับสนุน ส่วนอำนวยการ ส่วนปฏิบัติการ และส่วนประสานงาน โดยส่วนประสานงานจะรับผิดชอบประสานไปยังหน่วยงานภายนอก ดังนั้น ประชาชนสามารถติดต่อเร่งด่วนที่กองบิน 56 ซึ่งเป็น ศป.กฉ. ส่วนหน้า คอยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนได้ง่ายที่สุด เป็นจุดประสานงานแบบบูรณาการครบในทีเดียว
นอกจากนี้ ประชาชนสามารถแจ้งความเดือดร้อนได้ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) 1784 หรือสายด่วนของทำเนียบรัฐบาล 1111 โดยในส่วนการแจ้งความเดือดร้อนนี้จะใช้ AI ในการตรวจสอบความซ้ำซ้อนของข้อมูลต่างๆ และจะคัดกรองแต่ละกรณี โดยในกรณีสีแดงและสีเหลืองจะส่งข้อมูลไปยัง ศป.กฉ. ส่วนหน้า และจะมีเจ้าหน้าที่ไปให้การช่วยเหลือ
สำหรับการบริหารจัดการในพื้นน้ำท่วม แบ่งได้ 4 ด้าน ดังนี้ 1) การบริหารจัดการคน คือ การขนถ่ายคน การแบ่งพื้นที่ต่างๆ คนที่ไม่มีความประสงค์จะออกจากพื้นที่ หน่วยงานจะนำสิ่งของอาหารเข้าไปส่งให้ 2) การบริหารจัดการสิ่งของและส่งความช่วยเหลือ หมายถึง ของบริจาคทั้งหลายที่จะลงไปจะมีการบริหารจัดการ 3) การบริหารจัดการน้ำ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งระบายทำให้น้ำลดลงและเร็วขึ้น และ 4) การบริหารจัดการข้อมูลข่าวสาร
โฆษกศูนย์ ศป.กฉ. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในด้านการบริหารจัดการส่วนหลังนั้น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.) ได้เป็นประธานการประชุมประจำวัน เพื่อบูรณาการข้อมูลจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งได้มีข้อสั่งการเร่งรัดการช่วยเหลือและสนับสนุนการทำงานในพื้นที่อย่างเป็นระบบถึงสถานการณ์รวมของสถานการณ์น้ำ ทราบว่าปริมาณน้ำฝนที่เติมเข้ามาในระบบมีปริมาณที่ลดน้อยลง แนวโน้มของน้ำในพื้นที่ภาคใต้มีแนวโน้มที่ลดลง แต่อย่างไรก็ตาม ในจังหวัดที่อยู่ถัดจากสงขลา เช่น จังหวัดสตูล และจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มีการประกาศแจ้งเตือนภัยน้ำท่วมและดินถล่มในหลายอำเภอ โดยบางพื้นที่มีคำสั่งให้อพยพประชาชนตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมา เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น แต่ยังมีประชาชนบางส่วนยังคงลังเลต่อสถานการณ์ คิดว่ายังไม่จำเป็นต้องอพยพในตอนนี้ ซึ่งสร้างความกังวลให้แก่ศูนย์อำนวยการฯ หากสถานการณ์ทรุดตัวลงกะทันหัน อาจทำให้การอพยพในอนาคตเป็นไปได้ยากลำบากมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงรับฟังคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด พร้อมเตรียมอุปกรณ์จำเป็นและติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด เพื่อความปลอดภัยของทุกคน
“วันนี้ ศูนย์อำนวยการได้มีคำสั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมเร่งสำรวจกลุ่มเปราะบาง และเชิญชวนประชาชนให้เข้าพักในศูนย์พักพิงชั่วคราว เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นหากสถานการณ์รุนแรงขึ้นในอนาคต โดยแนวทางการจัดการคือ หากพื้นที่ใดถูกจัดเป็นพื้นที่เฝ้าระวัง จะมีการกำหนดจุดศูนย์พักพิงและแจ้งให้ประชาชนทราบล่วงหน้า ก่อนมีคำสั่งอพยพอย่างเป็นทางการ และจะดำเนินการในลักษณะนี้อย่างต่อเนื่องทุกครั้ง”
ขณะเดียวกัน จากที่มีรายงานว่า มีข่าวลือเกี่ยวกับจำนวนผู้เสียชีวิตในโรงพยาบาลหาดใหญ่ เช่น 80 รายหรือ 100 ราย ซึ่งยืนยันอย่างชัดเจนว่าไม่เป็นความจริง โดยข้อมูลจากโรงพยาบาลหาดใหญ่ระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตที่มีการรายงานนั้น รวมผู้ป่วยที่เสียชีวิตด้วยโรคประจำตัวหรือปัญหาสุขภาพที่รักษาอยู่ในโรงพยาบาลอยู่แล้ว รวม 40 ราย ดังนั้นข่าวที่กล่าวอ้างว่ามีผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์น้ำท่วมนอนเสียชีวิตจำนวนมากภายในโรงพยาบาล เป็นข้อมูลเท็จ สำหรับข้อมูลผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ครั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตรวม 33 ราย ใน 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัด นครศรีธรรมราช 9 ราย พัทลุง 4 ราย สงขลา 6 ราย ตรัง 2 ราย สตูล 2 ราย ปัตตานี 5 ราย และยะลา 5 ราย ส่วนสาเหตุการเสียชีวิต ประกอบด้วย ถูกน้ำพัด ไฟฟ้าช็อต ดินถล่ม พลัดตกน้ำ และจมน้ำ ดังนั้น ศูนย์อำนวยการฯ จะสรุปสถานการณ์และแจ้งข้อมูลที่ถูกต้องให้ประชาชนผ่านสื่อมวลชนเป็นประจำทุกวัน เพื่อให้ทุกฝ่ายรับทราบและปฏิบัติตัวได้อย่างปลอดภัยในช่วงสถานการณ์น้ำท่วมที่ยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด พร้อมขอความร่วมมือผ่านสื่อมวลชนถึงประชาชน ขอให้งดการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จหรือข้อมูลที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน เนื่องจากการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ อาจจะสร้างความหวาดหวั่น ความไม่เชื่อมั่นและทำลายขวัญและกำลังใจของผู้ที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ด้วยความระมัดระวัง
โฆษกศูนย์ ศป.กฉ. กล่าวชี้แจงถึงกรณีที่มีข่าวลือในช่วงเช้าที่ผ่านมา อ้างว่าเกิดเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกใกล้โรงพยาบาล โดยยืนยันชัดเจนว่า ไม่เป็นความจริง หลังมีการตรวจสอบข้อมูลจากทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องแล้วพบว่า ไม่มีเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ตก ในพื้นที่ตามที่ถูกเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์แต่อย่างใด นอกจากนี้ ยังได้รับรายงานความคืบหน้าการบริหารจัดการข้อมูลล่าสุดว่า ขณะนี้ได้มีการรวบรวมข้อมูลสถานการณ์ทั้งหมดผ่านระบบ AI เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมส่งต่อให้กับศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกลาโหมส่วนหน้า (ศบภ. ส่วนหน้า) เพื่อใช้ในการวางแผนและประสานงานในพื้นที่ประสบภัย ซึ่งจะทำการอัปเดตข้อมูลให้ ศบภ.ส่วนหน้าแบบรายชั่วโมง เพื่อให้สามารถรับรู้สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงที และตอบสนองการช่วยเหลือประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โฆษกศูนย์ ศป.กฉ. ระบุว่า วันนี้ได้รับการติดต่อจากประชาชนจำนวนมากที่ต้องการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ จึงขอประชาสัมพันธ์ว่า รัฐบาลได้จัดตั้ง “ศูนย์อำนวยการประสานงาน ธารน้ำใจไทยอุทกภัย 2568” โดยตั้งอยู่ที่ พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ ดอนเมือง เพื่อรองรับการบริจาคและประสานงานความช่วยเหลือในทุกมิติ สำหรับประชาชนที่อยู่ต่างจังหวัด สามารถบริจาคสิ่งของผ่านศูนย์รับบริจาคในจังหวัดตนได้ และแต่ละจังหวัดจะส่งของมารวมที่ศูนย์ดังกล่าว ส่วนผู้ที่อยู่ในกรุงเทพฯ สามารถนำสิ่งของจำเป็นไปบริจาคได้โดยตรงที่ศูนย์อำนวยการฯ นอกจากสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นแล้ว ศูนย์ยังเปิดรับการสนับสนุนด้านกำลังคนและทรัพยากร เช่น เจ็ตสกีพร้อมคนขับ สปีดโบ๊ท รถยนต์ยกสูง รถลากจูง อุปกรณ์กู้ภัย และสิ่งของจำเป็นต่อการดำรงชีพ สำหรับการลำเลียงสิ่งของ ศูนย์มีเครื่องบิน C-130 สนับสนุน เพื่อส่งความช่วยเหลือสู่พื้นที่ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง
ช่วงเช้าที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่หาดใหญ่พร้อมเที่ยวบินลำเลียงสิ่งของช่วยเหลือ ซึ่งในเที่ยวบินนั้นมีทั้งชุดยังชีพและเจ็ตสกีประมาณ 10 ลำ และช่วงเที่ยงวันนี้จะมีเที่ยวบินขนส่งอาหารจากจิตอาสาและทีมงานเดินทางไปช่วยเหลือต่อทันที
“รัฐบาลขอขอบคุณประชาชนผู้มีจิตศรัทธาทุกคนที่พร้อมช่วยเหลือในสถานการณ์ครั้งนี้ เพราะอาสาสมัครเป็นกำลังสำคัญ ที่ช่วยทำให้การช่วยเหลือเกิดขึ้นได้ทันต่อเหตุการณ์ เนื่องจากกำลังของภาครัฐเพียงฝ่ายเดียวอาจไม่เพียงพอในภาวะวิกฤต ขอย้ำว่า อาสาสมัครทุกคน จะไม่ได้สู้ตามลำพัง เพราะภาครัฐจะร่วมสนับสนุนและปฏิบัติการเคียงข้างกันในทุกมิติ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องชาวใต้ให้ได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง” โฆษกศูนย์ ศป.กฉ.
ขั้นตอนดำเนินงานศป.กฉ.ช่วยเหลือผู้ประสบภัย จ.สงขลา

จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.) เพื่อทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลให้เป็นระบบ ลดความซ้ำซ้อน และประสานงานต่อไปยัง ศป.กฉ. ส่วนหน้า เพื่อให้สามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยมีขั้นตอนการดำเนินงาน ดังนี้
1. การขอความช่วยเหลือ
- ผู้ประสบภัยโทรแจ้งเหตุ/ขอความช่วยเหลือได้ที่ 1784 และ 1111
2. ศป.กฉ. ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดเพื่อคัดกรองและแบ่ง “ระดับสี” ตามความรุนแรงของสถานการณ์
- สีแดง : สถานการณ์รุนแรงและวิกฤต ต้องได้รับความช่วยเหลือด่วน
- สีเหลือง : ผู้ที่ยังอาศัยอยู่ภายในบ้าน แต่ขาดแคลนน้ำหรืออาหาร
3. ประสานข้อมูลไปยัง ศป.กฉ.ส่วนหน้า จ.สงขลา เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือ โดยแบ่งตามเขตรับผิดชอบ ได้แก่
- เขต 1 : กรมพัฒนาที่ 4 และกองพันพัฒนาที่ 4
- เขต 2 : กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 5 (ร.5 พัน.1)
- เขต 3 : กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 5 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 5 (ป.5 พัน.5)
- เขต 4 : กองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 42 (พัน.ร.มทบ.42)
4. ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือทันที โดยแบ่งเป็น 4 ด้านการบริหารจัดการ ได้แก่
- บริหารจัดการคน สำรวจพื้นที่ อพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัย
- บริหารจัดการสิ่งของ ส่งมอบสิ่งของจำเป็นให้แก่ประชาชน
- บริหารจัดการน้ำ เร่งระบายน้ำให้ลดลง
- บริหารจัดการข้อมูลข่าวสาร ชี้แจงข้อเท็จจริง สื่อสารสถานการณ์ต่อเนื่อง
รัฐบาล ยืนยันเร่งช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเต็มที่ พร้อมกำชับทุกหน่วยงานติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ทุกพื้นที่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทั่วถึงและรวดเร็วที่สุด
ทั้งนี้เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ศูนย์ฯ จะยังทำหน้าที่จัดการข้อมูลและสิ่งของในศูนย์อพยพแต่ละแห่งให้เป็นระเบียบและมีประสิทธิภาพต่อไป
