Think In Truth
'Mr.เอทานอล-อลงกรณ์'เปิดพิมพ์เขียว 10เทคโนฯบนเวทีพลังงานใหม่ไทย-จีน
"มิสเตอร์เอทานอล-อลงกรณ์"เปิดพิมพ์เขียว10 เทคโนโลยีอุตสาหกรรมพลังงานใหม่แห่งอนาคตในเวที CHINA-THAI New Energy Forum ย้ำแผนพัฒนาพลังงานชาติเพิ่มเป้าพลังงานสะอาด 51% 'อลงกรณ์ พลบุตร' ประธานสถาบัน FKII Thailandและผู้ก่อตั้งมูลนิธิสถาบันพลังงานทางเลือกแห่งประเทศไทย ผู้ได้รับฉายา"มิสเตอร์เอทานอล"กล่าวปาฐกถาพิเศษในฟอรั่ม"พลังงานใหม่ จีน-ไทย“(China-Thai New Energy Forum) ณ TVA Hall สวนเสียงไผ่ โดย TVA China Venture ในเครือ TVA Corporation (สถาบันทิวา) ภายใต้การนำของ คุณชยดิฐ หุตานุวัชร์ ประธาน TVA ซึ่งมุ่งผลักดันบทบาทของไทยในฐานะศูนย์กลางการลงทุนด้านพลังงานใหม่ของอาเซียน ผ่านเวทีการหารือเชิงลึกระหว่างภาคธุรกิจไทยและจีน ร่วมกับ New Energy Huangpu (ประเทศจีน) ที่มี Julia Zhu Lina เป็นประธาน โดยได้บรรลุข้อตกลงความร่วมมือระหว่างไทยและจีนในการเชื่อมโยงธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต
ในการนำเสนอของนายอลงกรณ์ ภายใต้หัวข้อ"อุตสาหกรรมพลังงานใหม่ :โอกาส ความท้าทาย และความร่วมมือของบริษัทพลังงานใหม่ในประเทศไทย" ได้ตอกย้ำถึงความสำคัญของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (BIG TRANSFORMATION) โดยระบุว่าอุตสาหกรรมพลังงานใหม่จะเป็น "เครื่องยนต์ใหม่" (NEW GROWTH ENGINE) ที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ
เน้นย้ำเป้าหมายพลังงานสะอาดลดโลกเดือด

นายอลงกรณ์ ได้เน้นย้ำถึงเป้าหมายระดับชาติของไทยในการรับมือกับภาวะโลกเดือด(Global warming)โดยตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างน้อย 40% ภายในปี 2030 มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (CARBON NEUTRALITY) ภายในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (NET ZERO EMISSIONS) ภายในปี 2065
ปัจจัยสำคัญที่จะขับเคลื่อนเป้าหมายนี้คือ แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP ฉบับร่างใหม่)ต้องกำหนดเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดในการผลิตไฟฟ้า 51% ภายในปี 2037
พิมพ์เขียว10 เทคโนโลยีพลังงานใหม่
ประธานสถาบัน FKII Thailand ได้ชี้ถึง "โอกาสที่กำลังจะเกิดขึ้น" (EMERGING OPPORTUNITIES) ในอุตสาหกรรมพลังงานใหม่ของไทย ซึ่งเป็นโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนที่น่าจับตามอง ได้แก่
1.ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และโครงสร้างพื้นฐาน การผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต EV ในภูมิภาค (EV HUB OF ASEAN) ภายใต้นโยบาย "30@30" พร้อมการลงทุนในสถานีชาร์จสาธารณะที่ปัจจุบันมีหัวชาร์จรวมกว่า 11,467 หัวชาร์จ
2.ระบบกักเก็บพลังงานแบตเตอรี่ (BESS) เทคโนโลยีสำคัญที่มีเป้าหมายในร่าง PDP 2024 สูงถึง 10,485 เมกะวัตต์ (MW)
3.พลังงานแสงอาทิตย์ การสนับสนุนโซลาร์ลอยน้ำ (Floating Solar) และโซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) รวมถึงการผลักดัน Direct PPA สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องการใช้ไฟฟ้าสะอาดเพื่อการส่งออก (RE100)
4.พลังงานไฮโดรเจน โดยกำหนดให้มีการเริ่มใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนผสมกับก๊าซธรรมชาติ (CO-FIRING) ตั้งแต่ปี 2030 เพื่อลดคาร์บอนในโรงไฟฟ้าเดิม
5.เทคโนโลยี Smart Grid และ VPP การอัปเกรดโครงข่ายไฟฟ้าให้รองรับการผลิตไฟฟ้าแบบกระจายศูนย์ และโมเดล Virtual Power Plant (VPP)
6.เชื้อเพลิงชีวภาพ(Biofuel)และ SAF ไทยมีความพร้อมในการผลิตไบโอดีเซลและเอทานอล รวมถึงเชื้อเพลิงการบินยั่งยืน (SAF) จากวัตถุดิบ เช่น น้ำมันพืชใช้แล้ว (UCO)
7.อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
เปิดโอกาสในการลงทุนผลิตชิ้นส่วน POWER SEMICONDUCTORS ที่จำเป็นสำหรับอินเวอร์เตอร์ของ BESS และสถานีชาร์จเร็ว
8.เทคโนโลยีรีไซเคิลแบตเตอรี่
ประเทศไทยต้องการเทคโนโลยีและเงินลงทุนจากต่างประเทศเพื่อจัดตั้งโรงงานรีไซเคิลแบตเตอรี่ (BATTERY RECYCLING PLANTS)
9.เทคโนโลยี Fuel Cell เป็นโอกาสสำคัญในการผลิตไฟฟ้าแบบกระจายศูนย์ และการใช้งานในภาคการขนส่งหนัก เช่น รถบรรทุกและรถโดยสารขนาดใหญ่
10. เทคโนโลยีประหยัดพลังงานอัจฉริยะ (Energy-saving Technologies)
เช่นระบบระบายความร้อน (Cooling Systems) ใน Data Center และระบบควบคุมอัจฉริยะด้านความร้อน (Thermal Field Intelligent Control)และโซลูชัน AI และ IoT เพื่อควบคุมและปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
“ประเทศจีนพัฒนาก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีอุตสาหกรรมพลังงานใหม่อย่างมากโดยมีบริษัทชั้นนำระดับโลกที่มีความเชื่อมั่นที่จะร่วมลงทุนและประกอบธุรกิจในประเทศไทยในสาขาต่างๆเช่น ยานยนต์ไฟฟ้า(EV) โซเดียมแบตเตอรี่โซล่าเซลล์ เทคโนโลยีประหยัดพลังงานอัจฉริยะเทคโนโลยี Fuel Cell พลังงานไฮโดรเจน ระบบกักเก็บพลังงานแบตเตอรี่(BESS) ลิเธียมแบตเตอรี่ เซมิคอนดักเตอร์ Biofuel SAF Nanoscience&Nanomanufacturing รีไซเคิลแบตเตอรี่ Wet Electronic Hazardous Waste Thermal Field Intelligent Control ฯลฯโดยการนำของสถาบัน New Energy Huangpu (ประเทศจีน) ซึ่งได้ตกลงความร่วมมือกับเอฟเคไอไอ.และสถาบันทิวาเพื่อส่งเสริมการลงทุนการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการพัฒนาบุคคลากรด้านพลังงานใหม่ระหว่าง2ประเทศในวาระ50ปีความสัมพันธ์ไทย-จีน“
นายอลงกรณ์ สรุปในตอนท้ายว่า กุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการสร้างระบบนิเวศพลังงานใหม่มั่นคงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมช่วยลดก๊าซเรือนกระจกคือ "การร่วมมือ การมีวิสัยทัศน์ร่วมกัน และการลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง" ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่ออนาคตของไทยและหุ้นส่วนทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ.

