In News

ดีอีชี้'เหตุเขมรโจมตีไทยขัดขวางกู้ระเบิด เป็นข่าวจริงเตือนปชช.รับข้อมูลที่ถูกต้อง



กรุงเทพฯ-ดีอี เผยข่าวจริง “กัมพูชาโจมตีไทย หวังสร้างความสูญเสีย–ขัดขวางการกู้ระเบิด” เตือน ปชช.รับข้อมูลจากหน่วยงานทางการเท่านั้น

นางสาวสุชาดา ซาง แทนทรัพย์ โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย (AFNC) ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยความมั่นคงและภัยทางสังคมของนายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) โดยยกระดับความสำคัญเรื่องการสร้างความตระหนักรู้เท่าทันภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ข่าวปลอม และข้อมูลบิดเบือน 

ทั้งนี้ในวันที่ 8 ธันวาคม 2568  AFNC ได้ตรวจสอบพบข้อความทั้งหมด 168,799 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 190 ข้อความ สำหรับช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social Listening 183 ข้อความ ตามมาด้วยช่องทาง Facebook 7 ข้อความ โดยเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 38 เรื่อง ได้รับผลการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว 22 เรื่อง ในจำนวนนี้เป็นข่าวที่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากที่สุด 7 เรื่อง ซึ่งเป็นข่าวจริง 6 เรื่อง และข่าวปลอม 1 เรื่อง ได้แก่ 

อันดับที่ 1 : ข่าวจริง  : เรื่อง กัมพูชาโจมตีทหารไทย หวังสร้างความสูญเสีย–ขัดขวางภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดและปรับปรุงเส้นทาง 

อันดับที่ 2 : ข่าวจริง  : เรื่อง กัมพูชาใช้อาวุธยิงในพื้นที่ช่องอานม้า - เล็งสนามบินและโรงพยาบาล และขอให้ประชาชนในพื้นที่อำเภอตามแนวชายแดน อพยพออกจากพื้นที่ 

อันดับที่ 3 : ข่าวจริง  : เรื่อง เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย มอบเงินบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ 30 ล้านบาท 

อันดับที่ 4 : ข่าวจริง  : เรื่อง ศธ.สั่งปิดโรงเรียน 641 แห่ง ใน 5 จ. ชายแดนไทย–กัมพูชา ชั่วคราว และปิด 4 รพ.ชายแดน จ.สระแก้ว รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต 

อันดับที่ 5 : ข่าวจริง  : เรื่อง เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 68 กัมพูชาเปิดฉาก 5 จุดปะทะใหญ่ 

อันดับที่ 6 : ข่าวปลอม  : เรื่อง บีบมะนาว 3-4 หยด สามารถใช้ห้ามเลือดที่บาดแผลได้ 

อันดับที่ 7 : ข่าวจริง : เรื่อง ธอส. แจกของขวัญปีใหม่ 1,000 บาท ตอบแทนลูกค้าที่มีวินัยผ่อนชำระสินเชื่อบ้าน 

สำหรับอันดับ 1  เป็นข่าวจริง เรื่อง “กัมพูชาโจมตีทหารไทย หวังสร้างความสูญเสีย–ขัดขวางภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดและปรับปรุงเส้นทาง” กระทรวงดีอี ได้ประสานงานร่วมกับทีมโฆษกกองทัพบก กระทรวงกลาโหม ได้รับการยืนยันเป็น “ข่าวจริง” ซึ่งมีข้อมูลที่เป็นระบุถึงกรณีทหารกัมพูชาใช้อาวุธโจมตีฝ่ายไทย เมื่อ 7 ธ.ค. 68 เวลา 14.15 น. ที่ผ่านมา บริเวณพื้นที่ ภูผาเหล็ก–พลาญหินแปดก้อน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่งผลให้มีกำลังพลได้รับบาดเจ็บ 2 นาย นั้น 

ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะที่ฝ่ายไทยกำลังปฏิบัติภารกิจในการปรับปรุงเส้นทางในเขตอธิปไตยไทย แต่มีกลุ่มทหารกัมพูชาได้ใช้อาวุธยิงเข้ามาใส่ชุดรักษาความปลอดภัยของหน่วยทหารช่างที่กำลังปรับปรุงเส้นทาง ฝ่ายไทยจึงได้ทำการยิงตอบโต้กลับไป ทำให้เกิดการปะทะกัน และขอยืนยันว่า ฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มใช้อาวุธก่อน เชื่อว่า มีเป้าหมายเพื่อให้ฝ่ายไทยเกิดการบาดเจ็บและสูญเสีย ขัดขวางการปฏิบัติงานของฝ่ายไทยในการเก็บกวาดทุ่นระเบิด และการปรับปรุงเส้นทางเพื่อภารกิจด้านความมั่นคงในบริเวณพื้นที่ชายแดน 

ในส่วนพฤติกรรมดังกล่าวนับเป็นความตั้งใจที่จะละเมิดข้อตกลงอย่างชัดเจน และเชื่อว่าเหตุการณ์นี้อาจส่งผลกระทบต่อกลไกความร่วมมือในการรักษาความสงบในพื้นที่ชายแดน ที่ฝ่ายไทยได้มุ่งมั่นและพยายามให้ความร่วมมือมาโดยตลอดในช่วงที่ผ่านมา 

ดังนั้น กองทัพบก ขอยืนยันว่า การปฏิบัติการด้วยอาวุธของฝ่ายไทยยึดกรอบกฎการใช้กำลัง ความจำเป็นในการป้องกันตนเองตามหลักสากล และอยู่ในระดับที่เหมาะสมเพื่อตอบสนองต่อการกระทำอันเป็นภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ 

อย่างไรก็ตาม กระทรวงดีอี มีความห่วงใยประชาชน เรื่องความตระหนักรู้เท่าทันข่าวปลอมที่ถูกแพร่กระจายบนสื่อออนไลน์ โซเชียล ซึ่งหากขาดความรู้เท่าทัน ส่งต่อข้อมูลข่าวปลอม ทำให้เกิดการหลงเชื่อ สร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน หรือข้อมูลส่วนบุคคล และอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง  โดยขอให้ประชาชนเลือกเชื่อ เลือกแชร์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ซึ่งได้รับการเผยแพร่จากหน่วยงานที่เป็นทางการเท่านั้น และควรตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวหรือลิงก์เว็บไซต์ให้แน่ชัด 

หากประชาชน พบข่าวน่าสงสัย ข้อมูลบิดเบือน สามารถแจ้งเบาะแส และตรวจสอบข่าวปลอมได้ที่ โทรสายด่วน 1111 ต่อ 87 (24 ชม.) หรือที่| เว็บไซต์ www.antifakenewscenter.com| Line ID: @antifakenewscenter| Facebook : Anti-Fake News Center Thailand| X : @AFNCThailand| TikTok : @antifakenewscenter| IG : afnc_thailand/