In Global

ทำงานร่วมกันเพื่อความก้าวหน้าที่มั่นคง และยั่งยืนในการกำกับดูแลสภาพภูมิ อากาศโลก



เมื่อเร็วๆ นี้ มีการประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติ ครั้งที่ 30 (COP30) ที่เมืองเบเลง ประเทศบราซิล โดยประเทศที่เข้าร่วมประชุมมีการหารือและเจรจาอย่างเต็มที่เกี่ยวกับปัญหาสภาพภูมิอากาศที่สำคัญ เพื่อร่วมกันหาแนวทางแก้ไขวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่ชาวโลกกำลังเผชิญ

จีนในฐานะผู้มีส่วนร่วมเชิงรุกและมีความรับผิดชอบในการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศโลก ได้มีส่วนร่วมในวาระสำคัญๆ และทำงานร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย เพื่อประกันให้การประชุม COP30 นำมาซึ่งผลลัพธ์เชิงบวกและสมดุล ความพยายามเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงบทบาทนำของจีนในการกำกับดูแลสภาพภูมิอากาศโลก และภาพลักษณ์ของจีนในฐานะประเทศใหญ่ที่มีความรับผิดชอบ ซึ่งช่วยเสริมสร้างเสถียรภาพและความแน่นอนให้กับกระบวนการสภาพภูมิอากาศโลกมากยิ่งขึ้น

ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 10 ปีข้อตกลงปารีส ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับการกำกับดูแลสภาพภูมิอากาศ รายงานช่องว่างการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ปี 2025 (UNEP Emissions Gap Report 2025) ที่เผยแพร่โดยโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ แสดงให้เห็นว่า โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายในการบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศที่สำคัญตามข้อตกลงปารีส หนึ่งในนั้นคือ ช่องว่างที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างพันธกรณีทางการเงินเพื่อสภาพภูมิอากาศกับความต้องการทางการเงินที่แท้จริง ขณะเดียวกัน บางประเทศยังคงไม่ยอมผลักดันการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ทำให้การกำกับดูแลสภาพอากาศโลกต้องเผชิญกับปัญหาทั้งในด้านแรงผลักดันและความไว้วางใจ  

ปัจจุบัน สิ่งสำคัญในการกำกับดูแลสภาพภูมิอากาศโลกคือ ประเทศต่างๆ จะต้องรักษาความเป็นพหุภาคีที่แท้จริง เสริมสร้างความสามัคคีและความร่วมมือ ยึดมั่นในหลักการความรับผิดชอบร่วมกันแต่แตกต่างกัน และเปลี่ยนพันธสัญญาให้เป็นปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรม เพื่อประกันให้มีความก้าวหน้าที่มั่นคงและยั่งยืนในการกำกับดูแลสภาพภูมิอากาศโลก

ในช่วงการประชุม COP30 จีนมีบทบาทเชิงบวกและสร้างสรรค์ โดยทำงานร่วมกับทุกฝ่าย เพื่อสนับสนุนบราซิลประเทศเจ้าภาพในการผลักดันให้การประชุมประสบความสำเร็จ จีนยังคงมุ่งมั่นที่จะช่วยกำหนดแนวทางที่ถูกต้อง และสร้างความพร้อมให้กับการกำกับดูแลสภาพภูมิอากาศโลกในทศวรรษหน้า โดยยึดมั่นในหลักพหุภาคี และมุ่งเน้นการนำไปปฏิบัติ 

ช่วงการประชุม COP30 จีนได้จัดกิจกรรมย่อยหลายครั้งที่ China Pavilion โดยมุ่งเน้นไปที่ประเด็นสำคัญต่างๆ เช่น แผนงานของจีนในการบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับสูงสุด (peak emission) ก่อนปี ค.ศ. 2030 และความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutrality) ก่อนปี ค.ศ. 2060 รวมทั้งการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และการพัฒนาพลังงานใหม่ นอกจากนี้ ยังได้แบ่งปันประสบการณ์ของจีนและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการกำกับดูแลสภาพภูมิอากาศโลก

ความกลมกลืนระหว่างมนุษย์และธรรมชาติเป็นสัญลักษณ์สำคัญของการพัฒนาจีนให้ทันสมัย ปัจจุบัน จีนได้วางแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาของประเทศโดยกำหนดเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับสูงสุดก่อนปี ค.ศ. 2030 และความเป็นกลางทางคาร์บอน ก่อนปี ค.ศ. 2060 พร้อมทั้งจัดทำกรอบนโยบายในการลดการปล่อยคาร์บอนที่เป็นระบบและครอบคลุมที่สุด ตลอดจนได้สร้างระบบพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดและเติบโตเร็วที่สุด รวมทั้งห่วงโซ่อุตสาหกรรมพลังงานใหม่ที่ใหญ่ที่สุดและสมบูรณ์ที่สุดในโลก ความมุ่งมั่นพัฒนาสีเขียวของจีนได้สร้างแรงผลักดันใหม่ให้กับการพัฒนาที่ยั่งยืนทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง    

ในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก จีนเป็นผู้สนับสนุนความเป็นพหุภาคีอย่างแน่วแน่ ผู้สนับสนุนความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างแข็งขัน ผู้มีส่วนร่วมสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ และผู้นำที่สำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่สีเขียวของทั่วโลก 

จีนได้ดำเนินการตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) และข้อตกลงปารีสอย่างแข็งขันและเต็มที่ ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการบรรลุเป้าหมายการมีส่วนร่วมระดับชาติ (NDCs) ปี 2030 สิ่งที่น่าสังเกต คือ จีนได้บรรลุเป้าหมายสำคัญๆ หลายประการก่อนกำหนด เช่น กำลังการผลิตติดตั้งรวมของพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ และปริมาณป่าไม้ที่เพิ่มขึ้น