In News

บทสรุปซีเกมส์ครั้งที่33ประวัติศาสตร์ใหม่ รัฐบาลขอบคุณทัพกีฬาไทยแชมป์ซีเกมส์



กรุงเทพฯ-รูดม่านปิดฉากลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ซึ่งประเทศไทยรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันตลอด 12 วันเต็ม โดยเจ้าภาพสามารถคว้าเหรียญรางวัลรวมได้มากที่สุด เป็นอันดับ 1 ของการแข่งขัน ด้วยผลงาน 233 เหรียญทอง 154 เหรียญเงิน และ 112 เหรียญทองแดง รวม 499 เหรียญ ด้าน

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่งดงามไม่แพ้ตารางเหรียญ คือเรื่องราวและความสำเร็จที่เกิดขึ้นระหว่างการแข่งขัน ซึ่งได้กลายเป็น “ประวัติศาสตร์หน้าใหม่” ของวงการกีฬาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากพลังของนักกีฬาทุกชาติสมาชิก ที่ร่วมกันพัฒนา ยกระดับมาตรฐาน และก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเองอย่างน่าประทับใจ​

• “ไทย” เจ้าภาพ-เจ้าเหรียญทองอาเซียน
แม้อาจมีประเด็นด้านการจัดการให้กล่าวถึงอยู่บ้าง แต่ในแง่ของผลงานในสนามแข่งขัน ทัพนักกีฬาไทยถือว่าโดดเด่นอย่างไร้ข้อกังขา การันตีด้วยการคว้า 233 เหรียญทอง ซึ่งไม่เพียงเป็นสถิติสูงสุดของไทยในประวัติศาสตร์ซีเกมส์ แต่ยังเป็นสถิติการคว้าเหรียญทองสูงสุดของชาติใดชาติหนึ่งในซีเกมส์ด้วย ทำลายสถิติเดิมของเวียดนามที่เคยทำไว้ 205 เหรียญทอง เมื่อปี 2021

นอกจากการครองตำแหน่งเจ้าเหรียญทองแบบขาดลอย ไทยยังมีหลายเรื่องราวที่ถูกจารึกไว้ในความทรงจำของแฟนกีฬา อาทิ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงเข้าร่วมการแข่งขันในฐานะสมาชิกทีมเรือใบทีมชาติไทย ประเภทเรือคีลโบ๊ท SSL 47 และทรงแสดงพระปรีชาสามารถร่วมกับทีมนักแล่นใบไทย จนคว้าเหรียญทองมาครอง สร้างความปลาบปลื้มใจให้พสกนิกรชาวไทยอย่างยิ่ง

ด้านผลงานนักกีฬา กรีฑาไทยกวาดเหรียญได้เป็นจำนวนมาก โดยมีไฮไลท์สำคัญคือ “บิว” ภูริพล บุญสอน ที่คว้า 3 เหรียญทอง จากวิ่ง 100 เมตร, 200 เมตร และผลัด 4×100 เมตรชาย พร้อมสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกีฬาชาวอาเซียนคนแรกที่วิ่ง 100 เมตร ต่ำกว่า 10 วินาที ด้วยเวลา 9.94 วินาทีในรอบคัดเลือก

ขณะที่กีฬายกน้ำหนัก ธีรพงศ์ ศิลาชัย และ วีรพล วิชุมา ต่างทำลายสถิติโลกและสถิติเอเชีย รวมถึงทัพมวยสากลสมัครเล่นที่คว้า 14 เหรียญทองจาก 17 รุ่น ส่วนวอลเลย์บอลหญิงคว้าแชมป์ 5 สมัยติดต่อกัน และวอลเลย์บอลชายปลดล็อกแชมป์แรกในรอบ 8 ปี ตอกย้ำความยิ่งใหญ่ของเจ้าภาพในซีเกมส์ครั้งนี้

• “อินโดนีเซีย” ผงาดรองแชมป์ตารางเหรียญ
ทัพนักกีฬาอินโดนีเซียทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม คว้าอันดับ 2 ของตารางเหรียญรวม ด้วยผลงาน 91 เหรียญทอง 111 เหรียญเงิน และ 131 เหรียญทองแดง รวม 333 เหรียญ ขยับจากอันดับ 3 ในซีเกมส์ครั้งก่อนที่กัมพูชา ขึ้นมาเป็นรองเพียงเจ้าภาพไทยเท่านั้น

อินโดนีเซียโดดเด่นในหลายชนิดกีฬา โดยเฉพาะ วูซู ที่คว้าแชมป์รวม ขณะที่กรีฑา แบดมินตัน ยิงปืน ไตรกีฬา ยูโด คาราเต้ ว่ายน้ำ และจักรยาน ต่างช่วยกันเก็บเหรียญอย่างเต็มที่ แสดงศักยภาพขุมกำลังนักกีฬาที่พัฒนาขึ้นมาอยู่ในแถวหน้าของโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

• “เวียดนาม” รักษามาตรฐาน ครองอันดับ 3
แม้จะเสียตำแหน่งเจ้าเหรียญทอง แต่เวียดนามยังคงทำผลงานได้แข็งแกร่ง ด้วย 87 เหรียญทอง 81 เหรียญเงิน และ 110 เหรียญทองแดง รวม 278 เหรียญ โดยเฉพาะกรีฑาที่คว้าไปถึง 12 เหรียญทอง เป็นรองไทยเพียง 1 เหรียญ

• “มาเลเซีย” เค้นฟอร์มแรง ขยับสู่กลุ่มบน
มาเลเซียทำผลงานดีที่สุดนับตั้งแต่ซีเกมส์ 2019 คว้า 57 เหรียญทอง 57 เหรียญเงิน 117 เหรียญทองแดง รวม 231 เหรียญ พร้อมขยับจากอันดับ 7 ขึ้นมารั้งอันดับ 4 ของตารางเหรียญรวม โดยมีสควอชเป็นกีฬาหลักที่กวาดเหรียญทองครบทุกประเภท ขณะที่เซปักตะกร้อชายกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ คว้าแชมป์ทั้งทีมเดี่ยวและทีมชุด

ภาพรวมผลงานของมาเลเซียในซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ถือเป็นอีกหนึ่งทัวร์นาเมนต์ที่ประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ และเป็นการตอกย้ำว่าทัพเสือเหลืองยังคงเป็นคู่แข่งสำคัญของชาติอาเซียน ในการขับเคี่ยวลุ้นเหรียญรางวัลในซีเกมส์ครั้งต่อไป และ ครั้งหน้า มาเลเซีย จะรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพ แน่นอนว่าพวกเขาหมายมั่นที่จะทำผลงานให้ดียิ่งขึ้นไปอีก

• “สิงคโปร์” แกร่งกีฬาทางน้ำ มาตรฐานสากล
​ทัพนักกีฬาสิงคโปร์ทำผลงานได้ดีเยี่ยม จากผลงาน 52 เหรียญทอง 61 เหรียญเงิน 89 เหรียญทองแดง รวม 202 เหรียญ โดยเฉพาะในกีฬาทางน้ำ ในกีฬาว่ายน้ำ พวกเขาคือเจ้าอาเซียนอย่างแท้จริง กวาดไป 19 เหรียญทอง ขณะที่โปโลน้ำชาย พวกเขาก็ได้เหรียญทองเป็นครั้งที่ 29 จาก 30 สมัย นอกจากนั้น สิงคโปร์ ยังโดดเด่นในเรื่องกีฬาฟันดาบที่กวาดไป 8 จาก 12 เหรียญทอง

แม้จำนวนเหรียญรวมอาจไม่หวือหวาเมื่อเทียบกับชาติขนาดใหญ่ในภูมิภาค แต่ผลงานของสิงคโปร์ในซีเกมส์ครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความสม่ำเสมอ และศักยภาพของนักกีฬาที่สามารถต่อยอดสู่การแข่งขันระดับเอเชียและระดับโลกได้

• “ฟิลิปปินส์” ดาวรุ่งผสานประสบการณ์
​แม้ว่าจะไม่บรรลุเป้าหมาย 60 เหรียญทองที่ตั้งไว้ แต่กระนั้น ทัพนักกีฬาฟิลิปปินส์ก็คว้ามาได้ 50 เหรียญทอง 73 เหรียญเงิน 154 เหรียญทองแดง รวม 277 เหรียญ แสดงให้เห็นความยอดเยี่ยมในกีฬาหลาย ๆ ประเภท  ซึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือบาสเกตบอลซึ่งคว้าแชมป์ทั้งชายและหญิง รวมถึงการสร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญทองฟุตบอลหญิง และวอลเลย์บอลชายหาดชายเป็นครั้งแรก

จุดเด่นสำคัญของฟิลิปปินส์ในซีเกมส์ครั้งนี้ คือการผสมผสานระหว่างนักกีฬาดาวรุ่งและนักกีฬาประสบการณ์สูง ทำให้หลายชนิดกีฬามีความหลากหลายทางแท็กติก และสามารถต่อกรกับชาติชั้นนำของภูมิภาคได้อย่างสูสี ถือเป็นสัญญาณบวกของทัพนักกีฬาฟิลิปปินส์ ที่กำลังยกระดับศักยภาพอย่างชัดเจน และมีแนวโน้มก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในชาติที่มีบทบาทสำคัญมากขึ้นในการแข่งขันซีเกมส์ครั้งต่อไป

• “เมียนมาร์” ต่อยอดกีฬาต้นตำรับ
​ผลงานที่เป็นที่ประจักษ์ของนักกีฬาเมียนมาร์คือเหรียญทองจะตะกร้อชินลงที่พวกเขาเป็นต้นตำรับ พร้อมสร้างผลงานในบิลเลียด กรีฑา และยกน้ำหนักด้วย 3 เหรียญทอง 21 เหรียญเงิน 49 เหรียญทองแดง รวม 73 เหรียญ

แม้จำนวนเหรียญรวมจะยังไม่สูงเมื่อเทียบกับชาติชั้นนำของอาเซียน แต่ผลงานในซีเกมส์ครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของนักกีฬาเมียนมาร์ โดยเฉพาะนักกีฬาดาวรุ่งที่ได้รับประสบการณ์สำคัญจากการแข่งขันระดับสูง ซึ่งภาพรวมผลงานของเมียนมาร์ในซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ถือเป็นอีกก้าวของการสร้างฐานกีฬาระยะยาว และเป็นสัญญาณบวกต่อการพัฒนานักกีฬา เพื่อยกระดับผลงานในซีเกมส์ครั้งต่อไป

• “สปป.ลาว” เปตองยังคงเป็นความหวัง
สร้างผลงาน 2 เหรียญทอง 9 เหรียญเงิน 28 เหรียญทองแดง รวม 39 เหรียญ ไว้ในซีเกมส์ครั้งนี้ ซึ่งเมื่อเอ่ยถึงกีฬาที่สร้างชื่อเสียงให้กับทัพนักกีฬา สปป.ลาว มาโดยตลอด อันดับแรกที่คนจะนึกถึงคือ เปตอง ซึ่งครั้งนี้ก็เช่นกัน เหรียญทองทั้ง 2 เหรียญของ สปป.ลาว ได้จากกีฬาเปตองทั้งสิ้น โดยเหรียญแรกมาจาก “กิบซี่” โบวิลักษ์ เทพพะกัน รองแชมป์โลก 2 สมัย และอีกเหรียญได้จาก ประเภททีมผสม (หญิง 2 ชาย 1) ซึ่งในรายของ กิบซี่ ถือได้ว่าเป็นฮีโร่ของชาติเลยทีเดียว โดยในรอบชิงชนะเลิศ เธอเอาชนะนักกีฬาของไทยได้อย่างงดงาม

นอกเหนือจาก เปตองแล้ว กีฬาเทควันโด ก็ถือว่านักกีฬา สปป.ลาวทำได้ดี คราวนี้ได้มา 2 เหรียญทองแดง และที่เป็นที่พูดถึงกันมาก คือเหรียญเงินจากอีสปอร์ต Arena of Valor (AoV)

• “บรูไน” วูซูยังแกร่ง เดินหน้าสร้างฐาน
ส่งมอบผลงานในซีเกมส์ครั้งที่ 33 ไว้ที่ 1 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน 5 เหรียญทองแดง รวม 9 เหรียญ โดยเหรียญทองหนึ่งเดียวของบรูไน ได้จากหลี่ ฮั่น นักกีฬาวูซูในประเภทท่ารวม ซึ่งเขาคนนี้คว้าเหรียญทองซีเกมส์เป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกัน สร้างสถิติใหม่ให้วงการกีฬาบรูไน และตอกย้ำความแข็งแกร่งของทีมวูซูบรูไนบนเวทีอาเซียน

นอกจากนี้ บรูไนยังส่งนักกีฬาลงแข่งขันใน กรีฑา ว่ายน้ำ และกีฬาพื้นฐานอื่น ๆ เพื่อเปิดโอกาสให้นักกีฬาดาวรุ่งได้สัมผัสบรรยากาศการแข่งขันระดับนานาชาติ และเรียนรู้มาตรฐานการแข่งขันที่สูงขึ้น แม้จำนวนเหรียญรางวัลจะยังไม่มากเมื่อเทียบกับประเทศขนาดใหญ่ในภูมิภาค แต่การเข้าร่วมซีเกมส์ครั้งนี้ของบรูไน สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการใช้เวทีซีเกมส์เป็นสนามพัฒนา

• “ติมอร์-เลสเต” ก้าวเล็ก ๆ สู่อนาคต
ถ้ามองในแง่จำนวนเหรียญ 1 เหรียญเงิน 7 เหรียญทองแดง รวม 8 เหรียญ ติมอร์-เลสเต อาจไม่ประสบความสำเร็จ เพราะพวกเขาไม่สามารถคว้าเหรียญทองมาได้เลย แต่พวกเขามีเรื่องราวให้น่าจดจำ ไม่ว่าจะเป็น “ไรมุนโด ไกโอ” สามารถทะลุเข้าถึงรอบชิงเหรียญทองในกีฬามวยสากลสมัครเล่น รุ่น 63.5 กิโลกรัม

นอกจากนี้ ในกีฬาอีสปอร์ต ติมอร์-เลสเต สามารถคว้า เหรียญทองแดง  มาครองได้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถของนักกีฬาติมอร์-เลสเตเป็นอย่างดี ขณะที่ฟุตบอลชาย แม้จะตกรอบแรก แต่ก็สร้างผลงานได้ดีกว่าที่คาดหมาย พวกเขาสามารถเอาชนะ สิงคโปร์ 3-1 ในนัดที่ 2 ของรอบแรก กลุ่มเอ ซีเกมส์ครั้งนี้จึงนับเป็นอีกก้าวสำคัญของติมอร์-เลสเต ในการใช้เวทีการแข่งขันระดับภูมิภาคเป็นจุดเริ่มต้นของการต่อยอดสู่ความสำเร็จในอนาคต

มหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ปิดฉากลงพร้อมทั้งรอยยิ้มและน้ำตา แต่เหนือกว่าผลแพ้ชนะ คือการที่นักกีฬาทุกคนได้ก้าวขึ้นสู่เวทีในฐานะตัวแทนประเทศ ซึ่งเป็นเกียรติยศสูงสุด และเป็นภาพสะท้อนของมิตรภาพ การพัฒนา และการเติบโตของกีฬาภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ร่วมกัน​

รัฐบาลขอบคุณทัพนักกีฬาไทยหลังคว้า233เหรียญ ครองเจ้าซีเกมส์ 

ด้านนางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรึ เปิดเผยว่า รัฐบาลขอบคุณทัพนักกีฬาไทยทุกคน รวมทั้งครูผู้ฝึกสอน เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องทุกคน ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มขีดกำลังความสามารถ เต็มศักยภาพ สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย  ในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 (SEA Games 2025) ระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคม 2568  

โดยประเทศไทย สามารถคว้าเหรียญรวม ได้ 499 เหรียญ  แบ่งเป็น  233 เหรียญทอง 154 เหรียญเงิน  และ 112 เหรียญทองแดง ทำให้ประเทศไทยครองเจ้าเหรียญทอง สมัยที่ 14 และทำลายสถิติของกีฬาซีเกมส์ ที่เวียดนามทำไว้เมื่อปี 2021 จำนวน 205 เหรียญ

พร้อมกันนี้ มหกรรมซีเกมส์ ครั้งที่ 33 คาดว่า สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 12,000 ล้านบาท  ทั้งมูลค่าที่เกิดจากการแข่งขันโดยตรง และมูลค่าด้านอื่น ๆ ประกอบกัน ถือเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สูงมาก หากเทียบจากการจัดมหกรรมกีฬาอื่น ๆ ที่ผ่านมา

“รัฐบาลชื่นชมกองเชียร์ชาวไทยทั้งในสนามและทางบ้าน ต่างร่วมกันเชียร์อย่างสนุกสนาน สร้างความประทับใจต่อนักกีฬาและกองเชียร์ชาวต่างชาติ แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรม และพลัง soft power ของประเทศไทย ในการเป็นเจ้าภาพที่ดี ซึ่งมากกว่าชัยชนะ คือความมีน้ำใจ แสดงออกถึงมิตรภาพและความเป็นหนึ่งเดียวของอาเซียน“ นางสาวอัยรินทร์ กล่าว

ไฮไลท์สำคัญคือ ฟุตบอลชาย ที่รอบชิงชนะเลิศพลิกจากตามหลังไทย 0-2 กลับมาชนะในช่วงต่อเวลา 3-2 รวมถึงผลงานเด่นในว่ายน้ำ ยิมนาสติก ยกน้ำหนัก ยิงปืน และกีฬาประเภททีมอย่างฟุตบอลหญิง ปันจักสีลัต เทควันโด และคาราเต้