In News

สรุปสถานการณ์สู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ทัพภาค1,2ตรึงกำลัง/ทร.ยึดอาวุธอื้อ



กรุงเทพฯ- สถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชายังคงมีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1,2และกองทัพเรือ ได้สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ จ.สระแก้ว พื้นที่ 4จังหวัดภาคอีสานและจังหวัดตราด ยังมีการสู้รบกันเป็นระยะ 3จุดปะทะที่สระแก้วทหารเขมรมีเสริมกำลังเข้าพื้นที่ ด้านพื้นที่ภาค2 ใน3จุดปะทะตรึงกำลังมีโดรนเขมรบินตรวจและยิงปืนใหญ่ประปราย ส่วนจังหวัดตราด กองทัพเรือได้ยึดอาวุธต้องห้ามจำนวนมาก

กองทัพภาพที่1 : เขมรยิงปืนใหญ่และเสริมกำลัง

ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ จ.สระแก้ว ประจำวัน 21 ธันวาคม 2568 เวลา 18.00 น.กกล.บูรพา ปฏิบัติภารกิจปกป้องอธิปไตยในสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา เป็นวันที่ 14 โดยมีการรบปะทะ เพื่อยึดครองพื้นที่ ใน 3 พื้นที่

1.พื้นที่บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา :  ฝ่ายกัมพูชายังคงเสริมความแข็งแรงของที่มั่น มีการยิงปืนใหญ่และเครื่องยิงลูกระเบิดมายังฝ่ายเราอย่างต่อเนื่อง และตรวจพบการนำรถถังเข้ามาประจำการในพื้นที่

2.พื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง : ฝ่ายกัมพูชายังคงเสริมความแข็งแรงของที่มั่น

และได้ใช้อาวุธยิง RPG, ปืนใหญ่และเครื่องยิงลูกระเบิดเข้ามายังที่มั่นของฝ่ายเราเป็นระยะๆ

3. พื้นที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง : ฝ่ายกัมพูชาเสริมความแข็งแรงของที่มั่น และมีการยิงปืนใหญ่และเครื่องยิงลูกระเบิด มายังฝ่ายเราอย่างต่อเนื่อง

โดยในวันนี้ กกล.บูรพา ได้ปฏิบัติการทางทหารต่อที่หมายทางทหารของฝ่ายกัมพูชา ในพื้นที่ฝั่งตรงข้าม อ.ตาพระยา อ.โคกสูง อ.อรัญประเทศ และ อ.คลองหาด จ.สระแก้ว จึงประสานส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน 4 อำเภอชายแดน จ. สระแก้ว งดเข้าพื้นที่พักอาศัยของตนและให้อพยพไปยังศูนย์ฯ ตามที่ทางราชการจัดให้จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ทั้งนี้ ขอให้รับฟังข่าวสารและติดตามการแจ้งประกาศจากส่วนราชการในพื้นที่อย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อความปลอดภัยเป็นสำคัญ

สรุปพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย จากฝ่ายกัมพูชาได้ยิง BM-21 และเครื่องยิงลูกระเบิด เข้ามายังพื้นทึ่ชายแดน จ.สระแก้วตั้งแต่ 8 - 21 ธ.ค.68

กองทัพภาคที่ 2 : ยังมียิ่งปืนใหญ่ประปรายและส่งโดรนตรวจ-พลีชีพ

ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 21 ธันวาคม 2568

พื้นที่ช่องบก : ฝ่ายกัมพูชาใช้อากาศยานไร้คนขับ บินจากทิศใต้ ไปทางทิศเหนือ สลับกัน บินสูงประมาณ 1-1.5 กิโลเมตร คาดว่าเป็นการบินตรวจการวางกำลังของฝ่ายเรา ฝ่ายเราทำการวางกำลังตั้งรับในพื้นที่ ยึดควบคุมภูมิประเทศสำคัญ และเตรียมพร้อมยิงตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามตามเหตุการณ์

 พื้นที่โดนตรวล -ซำแต - สัตตะโสม - ช่องตาเฒ่า : ฝ่ายกัมพูชาทำการโจมตีฝ่ายเราด้วยเครื่องยิงลูกระเบิด และปืนใหญ่ประปรายในพื้นที่ และมีการใช้อากาศยานไร้คนขับในพื้นที่ทั้งแบบตรวจการณ์ และโดรนพลีชีพ FPV ฝ่ายเราวางกำลังตั้งรับเสริมความมั่นคง และใช้ปืนใหญ่ยิงตอบโต้ตามเหตุการณ์

พื้นที่ผามออีแดง - ห้วยตามาเรีย : ฝ่ายกัมพูชาโจมตีด้วยเครื่องยิงลูกระเบิด และปืนใหญ่เบาบางในพื้นที่ มีการใช้อากาศยานไร้คนขับทั้งแบบตรวจการณ์ และทิ้งระเบิด ฝ่ายเราใช้เครื่องยิงลูกระเบิด และปืนใหญ่ยิงทำลายต่อที่ตามเหตุการณ์

พื้นที่ปราสาทตาควาย และ บริเวณเนิน 350 : ฝ่ายกัมพูชาโจมตีด้วยปืนเล็กยาว เครื่องยิงลูกระเบิด และปืนใหญ่ ใส่ฝ่ายเราอย่างประปราย และมีการใช้โดรนพลีชีพ FPV  ฝ่ายเราวางกำลังตั้งรับเสริมความมั่นคง และใช้ปืนใหญ่ยิงตอบโต้ตามเหตุการณ์

จากเหตุการณ์ปะทะในพื้นที่ ปราสาทตาควาย และเนิน 350 เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา ทำให้ จ.ส.อ. สำเริง คลังประโคน และ พลทหาร ภานุพัฒน์ เสาร์สา ซึ่งเป็นกำลังพลจากหน่วย กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 เสียชีวิตขณะเข้าปฏิบัติหน้าที่ และปัจจุบันร่างของกำลังพลทั้ง 2 นาย ได้ถูกนำออกจากพื้นที่การรบ และหน่วยได้จัดพิธีกองทหารเกียรติยศ ส่งร่างผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีทางศาสนา ณ ภูมิลำเนาเป็นที่เรียบร้อย

ซึ่งในวันนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ในการพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ให้แก่กำลังพลทั้ง 2 นาย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

กองทัพภาคที่ 2 ขอสดุดีดวงวิญญาณ จ่าสิบเอก สำเริง คลังประโคน และ พลทหาร ภานุพัฒน์ เสาร์สา สองวีรบุรุษ ในเหตุปะทะพื้นที่ปราสาทตาควาย และเนิน 350 รวมถึงทหารกล้าผู้เสียสละชีวิตในเหตุการณ์การปะทะครั้งนี้ อีกทั้ง 19 นาย ผู้เสียสละชีพปกป้องผืนแผ่นดินไทย วีรกรรมของทุกท่าน คือเกียรติยศสูงสุดของทหาร ในการปกป้องอธิปไตยเหนือแผ่นดินไทย ซึ่งจะตราตรึงในความทรงจำ และเป็นเกียรติภูมิแก่กองทัพสืบไป

กองทัพเรือ : พบคลังแสงอาวุธละเมิดอนุสัญญาออตตาวาเพียบ

โฆษกกองทัพเรือประณาม “กัมพูชาฝ่าฝืนกฎหมายมนุษยธรรมอย่างร้ายแรง ใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ล่อทหารไทยเข้าสู่ทุ่งสังหาร” ละเมิดอนุสัญญาออตตาวาอย่างโจ่งแจ้ง

พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ ออกแถลงประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำของกองทัพกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดพันธกรณีตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (อนุสัญญาออตตาวา) อย่างชัดเจน

ภายหลังจากกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) ได้เข้าควบคุมและตรวจสอบพื้นที่ บ้านหนองรี และ บ้านท่าเส้น ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาเคยเข้ายึดครองและใช้เป็นฐานที่มั่นทางทหาร ได้ตรวจพบวัตถุพยานจำนวนมากที่ไม่อาจปฏิเสธได้ อันแสดงถึงการวางแผนและการกระทำโดยเจตนาในการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ได้แก่

การตรวจพบ แผนผังแสดงตำแหน่งการฝังทุ่นระเบิดสังหารบุคคลและทุ่นระเบิดดัดแปลง ในพื้นที่บ้านหนองรี ซึ่งสะท้อนถึงการเตรียมการล่วงหน้าเพื่อประสงค์ต่อชีวิตทหารไทย

การตรวจพบ คลังอาวุธและทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบดัดแปลงจำนวนมาก ในพื้นที่บ้านท่าเส้น (คาสิโนทมอดา) ซึ่งยืนยันถึงการที่ฝ่ายทหารกัมพูชาได้เข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ที่มีพลเรือนอาศัยอยู่ โดยมีครอบครองและการใช้อาวุธต้องห้ามดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม

การกระทำดังกล่าวส่งผลให้กำลังพลทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิดสังหารบุคคลเป็นรายที่ 8 ซึ่งถือเป็นผลโดยตรงจากการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และเป็นการคุกคามต่อชีวิตมนุษย์โดยไม่เลือกเป้าหมาย ทั้งต่อทหารและประชาชนผู้บริสุทธิ์

สำนักงานโฆษกกองทัพเรือขอยืนยันว่า การใช้ การวาง และการคงไว้ซึ่งทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในลักษณะดังกล่าว เป็นการฝ่าฝืนอนุสัญญาออตตาวาอย่างชัดเจน และเป็นพฤติการณ์ที่ไม่อาจยอมรับได้ในประชาคมระหว่างประเทศ กองทัพเรือจะดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดอย่างเป็นระบบ เพื่อใช้ประกอบการดำเนินการในระดับรัฐต่อไป รวมถึงการแจ้งต่อประชาคมระหว่างประเทศและองค์กรที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้รับทราบถึงการละเมิดอย่างต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชา

ทั้งนี้ กองทัพเรือขอยืนยันจุดยืนในการปกป้องอธิปไตย ความปลอดภัยของกำลังพล และความมั่นคงของประชาชนไทยอย่างถึงที่สุด และจะไม่ยอมให้การกระทำอันไร้มนุษยธรรมเช่นนี้ถูกเพิกเฉยหรือบิดเบือนจากข้อเท็จจริงโดยเด็ดขาด