Travel Sport & Soft Power
สุดทึ่ง!!หนุ่มใหญ่ยางตลาดเลี้ยงต่อหัวเสือ จับตัวอ่อนขายกก.ละ1พันสู้ภัยโควิด
กาฬสินธุ์-สุดทึ่ง หนุ่มวัย 41 ปี ชาวตำบลบัวบาน อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ นักล่าต่อหัวเสือมากว่า 400 รัง เลี้ยงต่อหัวเสือไว้บนต้นไม้ข้างบ้าน เผยอดีตเป็นนักล่าต่อหัวเสือโชกโชน ปัจจุบันต่อหัวเสือหายาก จึงใช้ภูมิปัญญาหารังต่อมาเลี้ยงบนต้นไม้ข้างบ้าน รวมแล้วกว่า 40 รัง เพื่อขายตัวอ่อนไปทำอาหาร ในสูงราคากิโลกรัมละ 1 พันบาท
เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2564 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้ง มีชาวบ้านตูม หมู่ 4 ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ นำต่อหัวเสือมาเลี้ยงแบบธรรมชาติ โดยทำรังบนต้นมะขามข้างบ้าน และบินว่อนไปมาตลอดวัน อยู่ร่วมกับคนโดยไม่ทำอันตราย ซึ่งมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันว่าเป็นความสามารถเฉพาะตัว และมีเพียงคนเดียวในเขตตำบลนี้ที่เลี้ยงต่อหัวเสือได้โดยไม่ได้รับอันตราย เพราะต่อหัวเสือได้ชื่อว่ามีความดุร้าย หากใครถูกต่อหัวเสือต่อยต้องได้รับความเจ็บปวดทรมาน บางคนถึงกับช็อค หรือหากถูกรุมต่อยหลายตัวอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง พบบ้านหลังดังกล่าว ปลูกอยู่บริเวณบ่อกุ้งก้ามกราม เลขที่ 301 หมู่ 4 ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ พบนายวาจา ภูนาสอน อายุ 41 ปีเจ้าของบ้าน โดยนายวาจาเปิดเผยว่า ตนเป็นคนเลี้ยงต่อหัวเสือจริง เดิมมีอยู่ 40 รัง ได้ขายไป ปัจจุบันเหลืออยู่ 4 รัง ซึ่งทำรังอยู่บนจั่วโรงเรือนเก็บอาหารกุ้ง 1 รัง และทำรังอยู่บนต้นมะขามข้างบ้าน 3 รัง 2 รังอยู่บนคาคบสูงจากพื้นดินประมาณ 2 เมตร ขณะที่อีกรังอยู่บนยอดมะขาม สูงจากพื้นดินประมาณ 20 เมตร
นายวาจา กล่าวว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตนเคยล่าต่อหัวเสือ เพื่อนำตัวอ่อนมาเป็นอาหาร และแบ่งขายให้เพื่อนบ้านมาแล้วประมาณ 400 รัง โดยใช้ภูมิปัญญาในการไปเอารังต่อ เพื่อแกะเอาตัวอ่อนที่อยู่ในรังไปเป็นอาหาร พอระยะหลังต่อหัวเสือหายาก เนื่องจากระบบนิเวศน์เปลี่ยนไป จึงเกิดไอเดียหารังต่อหัวเสือมาเลี้ยงได้ประมาณ 4 ปี รวมแล้วประมาณ 40 รัง ขายไปแล้ว ปัจจุบันเหลือ 4 รัง ทั้งนี้ตัวอ่อนของต่อหัวเสือนั้น ขึ้นชื่อว่าอร่อยมาก ให้ไขมัน และโปรตีนสูง ทำได้หลายเมนู เช่น แกงอ่อม หมก ทอด พล่า และก้อย ถือเป็นของหายาก จึงมีราคาแพง คนที่หารังต่อจึงต้องมีความชำนาญจริงๆ หากไม่มีทักษะ พลาดพลั้งมา อาจจะถูกต่อหัวเสือรุมต่อย ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตได้
นายวาจากล่าวต่อว่า การหารังต่อมาเลี้ยงเป็นการใช้หลักสังเกตและภูมิปัญญา โดยจะสังเกตดูตัวต่อที่บินมาหาอาหาร หากมันบินวนไปวนมา แสดงว่ามันยังไม่ได้อาหาร แต่ถ้าเห็นตัวต่อบินไปในแนวตรง ก็หมายความว่ามันได้อาหารแล้ว มันจะบินตรงกลับไปรังของมัน ก็ให้วิ่งตามต่อตัวนั้นแบบไม่ให้คลาดสายตา ก็จะพบรังต่อจริงๆ ซึ่งวิธีนี้ใช้ได้ผล ส่วนวิธีการเอารังต่อมาเลี้ยงนั้น เพื่อความปลอดภัย ต้องใช้ช่วงเวลาค่ำมืด คือต้องมั่นใจว่าต่อที่มันบินออกจากรังไปหาอาหารช่วงกลางวันนั้น บินกลับเข้ารังแล้วทุกตัว สำหรับอุปกรณ์มีเพียงสำลีหรือเศษผ้าขนหนูชุบน้ำมันเบนซิน พร้อมมีดพร้า หรือเลื่อยมือ เพื่อตัดกิ่งไม้ที่ต่อทำรังอยู่ลงมา
นายวาจากล่าวอีกว่า สำหรับหัวเสือต่อจะบินกลับเข้ารังก่อนสิ้นแสงดวงอาทิตย์ ซึ่งรังต่อจะมีรูหรือประตูเข้าออกเพียงช่องเดียว เมื่อเรามั่นใจว่าต่อรังที่เราจะเอาไปเลี้ยงเข้ารังหมดทุกตัวแล้ว ก็เอาสำลีหรือเศษผ้าผ้าขนหนูชุบน้ำมันเบนซินที่เตรียมไว้อุดรู กลิ่นเหม็นของน้ำมันจะระเหยเข้าไปในภายในรังต่อ และทำลายระบบประสาทของต่อทุกตัวที่อยู่ในรังให้หมดสติ จากนั้นก็จะใช้มีดหรือเลื่อยมือตัดกิ่งไม้ที่ต่อทำรังอยู่เป็นคอน หรือให้เหลือส่วนที่เป็นกิ่งไม้ด้วย จากนั้นห่อด้วยถุงผ้า ป้องกันรังต่อเสียหาย แล้วนำรังต่อมาแขวนไว้ในที่ต้องการ ซึ่งก็เหมือนย้ายบ้านให้ต่อจากที่อื่นมาอยู่ที่แห่งใหม่ที่เราเลือกให้ อย่างที่ตนย้ายรังต่อจากที่เดิมบนต้นไม้ในป่า หรือจากหัวไร่ปลายนา มาอยู่บนต้นมะขามข้างบ้าน แต่ที่ต้องระวังคืออุปกรณ์ที่ยึดกิ่งไม้หรือคอนรังต่อเดิมกับกิ่งใหม่ จะต้องใช้ลวดเท่านั้น หากใช้เชือกหรือวัสดุอย่างอื่นจะไม่คงทน และอาจจะถูกต่อกัดผุพัง ทำให้รังต่อร่วงลงมาได้
นายวาจา กล่าวต่อว่า เมื่อ “ย้ายบ้าน” ให้ต่อเข้าที่เข้าทาง โดยใช้ลวดยึดคอนรังต่อเก่ากับคอนรังต่อใหม่มั่นคงดีแล้ว ก็ดึงสำลีหรือเศษผ้าชุบน้ำมันเบนซินที่อุดรูออก กลิ่นน้ำมันก็จะระเหยหายไปเอง ตัวต่อที่สิ้นฤทธิ์เนื่องจากกลิ่นเหม็นน้ำมันก็จะฟื้นคืนสติ ตอนเช้ามันก็บินออกไปหาอาหารตามปกติ ถึงแม้จะเปลี่ยนสถานที่แต่รังเดิม มันก็จะหากินวนเวียนอยู่บริเวณใกล้รัง เหมือนไม่รู้สึกตัวว่าถูกย้ายบ้าน นี่คือประสบการณ์ ในการนำรังต่อมาเลี้ยง ซึ่งเป็นการเลี้ยงแบบธรรมชาติ มันหากินของมันเอง และรังต่อก็จะโตขึ้นเรื่อยๆ จากตอนแรกที่นำมามีขนาดเท่าลูกมะพร้าว ก็จะขยายใหญ่ขึ้น บางรังเท่าวงล้อรถยนต์ ในระยะ 4 เดือนที่นำมาเลี้ยง ซึ่งเป็นห้วงอายุของต่อหัวเสือ มันจะให้ลูกอ่อนอย่างน้อยรังละ 1 ก.ก.หรืออย่างมากถึง 4 ก.ก. ตามขนาดของรังต่อ ซึ่งจะขายตัวอ่อนขีดละ 100 บาทหรือ ก.ก.ละ 1 พันบาท ซึ่งสามารถสร้างรายได้และเป็นอาชีพเสริมให้ตนและเลี้ยงครอบครัวเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในช่วงโรคโควิด-19แพร่ระบาด หาเงินยาก ซึ่งขณะนี้ก็มีเพื่อนบ้านมาสั่งจองไว้หลายคน ทั้งนี้ประมาณช่วงออกพรรษา ถึงจะครบอายุเก็บตัวอ่อนตัวหัวเสือมาเป็นอาหารได้
อย่างไรก็ตาม ต่อหัวเสือ เป็นสัตว์ปีกที่อันตราย หากถูกต่อยจะรู้สึกเจ็บปวดมาก ในส่วนของนายวาจาเองเปิดเผยว่าเคยถูกต่อหัวเสือต่อยประมาณ 20 ครั้ง เหตุที่ถูกต่อยจะเป็นในช่วงที่จะกำลังจะเอาสำลีหรือเศษผ้าชุบน้ำมันอุดรูรังต่อ จึงถูกตัวต่อที่กำลังจะบินเข้ารังต่อย แต่ก็รู้สึกเจ็บจี๊ดเล็กน้อยเท่านั้น ถูกต่อยบ่อยเข้าก็เกิดความชาชิน เหมือนมีภูมิต้านทาน ทั้งนี้ จากที่นำรังต่อหัวเสือมาเลี้ยง 4 ปี รวมประมาณ 40 รัง คนในครอบครัวคือพ่อถูกต่อต่อยเพียง 1 ครั้ง น้องชายถูกต่อย 1 ครั้งเท่านั้น แต่ก็ถือเป็นความโชคดีที่ไม่เกิดอาการแพ้หรือเจ็บปวดรุนแรง ทุกวันนี้ถือเป็นเรื่องปกติ รู้สึกเฉยๆ เหมือนต่อเป็นสมาชิกในครัวเรือนเดียวกัน ที่สำคัญต่างคนต่างอยู่ หากเราไม่ไปทำร้ายมัน มันก็จะไม่ทำร้ายเรา