In News

'รองประวิตร'ติดตามการแก้ปัญหาภูเก็ต เน้นเรื่องน้ำ-คาดอีก10ปีต้องการเท่าตัว



ภูเก็ต-รองนายกรัฐมนตรี ประชุมติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาในจังหวัดภูเก็ต เน้นการแก้ปัญหาน้ำ หลังมีการคาดการณ์ว่าในอีก 10ปีข้างหน้าจะมีความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว  

วันนี้ (2 พฤศจิกายน 2563) พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามผลการดำเนินการของหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อรองรับการขยายตัวของจังหวัดภูเก็ต อาทิ แผนการบริหารจัดการน้ำในจังหวัดภูเก็ต โครงการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง สมาร์ท ซิตี้  เป็นต้น โดยมี ดร. สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม ณ ห้องประชุมอาคารคอซิมบี้ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต จากนั้น คณะรองนายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปยังสำนักงานการประปาส่วนภูมิภาคสาขาภูเก็ต อำเภอกระทู้ เพื่อรับฟังแนวทางการพัฒนาและแก้ไขปัญหาประปาจังหวัดภูเก็ต โครงการประปาพังงา-ภูเก็ต และแนวทางการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 

พลเอก ประวิตร   วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จังหวัดภูเก็ตเป็นศูนย์กลางปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค เกือบทุกปี รัฐบาลเล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าวมาโดยตลอด วันนี้ที่ได้เดินทางลงมาตรวจราชการ ก็ได้สั่งการให้กรมชลประทานหาทางเพิ่มประสิทธิภาพการสูบผันน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติเข้ามาเติมอ่างเก็บน้ำให้ได้มากที่สุด ส่วนการประปาส่วนภูมิภาค ก็ให้เร่งสร้างความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่จังหวัดพังงาในการจะก่อสร้างระบบประปามายังจังหวัดภูเก็ต เพื่อให้การดำเนินการเกิดผลประโยชน์กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง  นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กำกับ ติดตาม เร่งรัดการดำเนินงานของทุกหน่วย และรายงานให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ทราบเป็นระยะ พร้อมกำหนดมาตรการประหยัดน้ำ   แนวทางการนำน้ำเสียกลับมาใช้ซ้ำ รวมถึงวางแผนพัฒนาแหล่งเก็บกักน้ำในจังหวัดพังงาและจังหวัดภูเก็ต เพื่อรองรับการใช้น้ำให้เพียงพอในอนาคตด้วย อีกทั้งได้สั่งการให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เร่งรัดดำเนินการจัดทำระบบผลิตน้ำจืดจากน้ำกร่อยและน้ำทะเล โดย สทนช.จะต้องพิจารณาเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณงบกลาง ปี2564 จากสำนักงบประมาณต่อไปด้วย 

ด้าน ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการ สทนช. กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ต มีประชากรและประชากรแฝงที่เข้ามาทํางานรวมกันมากกว่า 1.4 ล้านคน และมีนักท่องเที่ยว ปีละไม่ต่ำกว่า 14 ล้านคน ทํารายได้ให้ประเทศ ปีละกว่า 400,000 ล้านบาท ทำให้เกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็วของนักท่องเที่ยวและชุมชนเมือง ส่งผลกระทบให้ปริมาณความต้องการใช้น้ำของจังหวัดภูเก็ตสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน จากเดิมที่มีความต้องการใช้น้ำประมาณ ปีละ 62 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คาดการณ์ว่าตั้งแต่ปี 2575 เป็นต้นไปจะมีความต้องการใช้น้ำจะเพิ่มขึ้นถึง  112 ล้าน ลบ.ม. ต่อปี  ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องวางแผนแก้ปัญหาสร้างความยั่งยืนด้านน้ำให้ครอบคลุมทุกภาคส่วนเพื่อชีวิตที่ดีของประชาชนและเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ 

ทั้งนี้ แนวทางการแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค ของจังหวัดภูเก็ตนั้น  ในประชุม กนช. ครั้งที่ 2/2562 เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2562 ที่ประชุมมีมติเห็นชอบโครงการก่อสร้าง ปรับปรุงขยายการประปาส่วนภูมิภาคสาขาพังงา – ภูเก็ต ซึ่งจะทำให้มีปริมาณน้ำใช้ผลิตน้ำประปาเพิ่มขึ้น 49 ล้าน ลบ.ม. ต่อปี ปัจจุบันการประปาส่วนภูมิภาคเสนอขอตั้งงบประมาณประจําปี พ.ศ. 2565 และอยู่ระหว่างดําเนินการกระบวนการมีส่วนร่วมกับประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดพังงาและภูเก็ต นอกจากนี้ ในการประชุม กนช. ครั้งที่ 2/2563 เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2563 ที่ประชุมมีมติ เห็นชอบในหลักการ โครงการน้ำต้นทุนและแผนปฏิบัติการ ปี 2563 – 2566 ของจังหวัดภูเก็ต ในระยะสั้น (เร่งด่วน) อีก 3 โครงการ ได้แก่

1.โครงการเพิ่มประสิทธิภาพอ่างเก็บน้ำบางเหนียวดํา จากเดิมที่มีความจุ 7.20 ล้าน ลบ.ม. เป็น 8.70 ล้าน ลบ.ม.   2.โครงการระบบสูบผันน้ำ บ้านโคกโตนด – อ่างเก็บน้ำบางเหนียวดํา เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำอีก 10 ล้าน ลบ.ม. ต่อปี และ 3.โครงการบําบัดน้ำเสียมาผลิตน้ำประปา จะทำให้มีปริมาณน้ำประปาในเขตเทศบาลนครภูเก็ตเพิ่มขึ้นอีกวันละ 1,600 ลบ.ม. หรือ 0.584 ล้าน ลบ.ม. ต่อปี โดยที่ประชุมมอบหมายให้ สทนช. ร่วมกับ จังหวัดภูเก็ต จัดทําแผนหลัก แผนปฏิบัติการและจัดลําดับความสําคัญให้ครอบคลุมในทุกมิติ ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 นี้  สนทช. จะได้ดำเนินการศึกษาแผนหลักแบบบูรณาการ เพื่อการบรรเทาอุทกภัยและภัยแล้ง พื้นที่เฉพาะ (Area Based) เกาะภูเก็ต โดยจะดำเนินการวิเคราะห์สภาพพื้นที่ในเชิงลึกเพื่อนำมากำหนดทิศทางการพัฒนาด้านทรัพยากรน้ำของหวัดภูเก็ต ให้ครอบคลุมตามแนวทางการพัฒนา ภายใต้แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี ทั้ง 6 ด้านอีกด้วย

 เลขาธิการ สทนช. กล่าวด้วยว่า การลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตของรองนายกรัฐมนตรีและคณะในครั้งนี้ ยังได้มอบแนวทางการปฏิบัติงานให้ การประปาส่วนภูมิภาคสาขาภูเก็ตเร่งขยายการให้บริการน้ำประปาครอบคลุมพื้นที่ที่ยังขาดแคลนน้ำสะอาดในการอุปโภคบริโภค และขยายกำลังการผลิตให้เพียงพอกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น  พร้อมให้เตรียมมาตรการในการรับมือภาวะน้ำท่วมหรือภัยแล้งที่อาจจะเกิดขึ้น โดยให้เตรียมแหล่งน้ำดิบให้เพียงพอต่อการผลิตน้ำประปา ตลอดจนให้ใช้นวัตกรรม เทคโนโลยี มาสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการให้บริการที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งให้แบ่งปันองค์ความรู้ และประสบการณ์ด้านกิจการประปาให้กับองค์กรปกครองท้องถิ่น ให้สามารถดูแลกิจการประปาได้อย่างถูกสุขลักษณะ ซึ่งจะทำให้ประชาชนทุกพื้นที่ได้ใช้น้ำสะอาดมีคุณภาพชีวิตที่ดีเท่าเทียมกันอีกด้วย