Authority & Harm

คลองอาถรรพ์กลืนชีวิตยาย-หลาน3ศพ



กาฬสินธุ์-ครอบครัวยายวัย 66 ปี ชาวตำบลเหนือ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ลงไปช่วยหลานเล่นน้ำคลองชลประทาน ก่อนจมน้ำเสียชีวิตพร้อมกัน 3 ศพสุดเศร้า ญาติเดินทางมาแสดงความเสียใจและอาลัยเต็มวัด ขณะที่แม่เด็กเผยก่อนเกิดเหตุมีลางร้าย ตอนกลางวันยายนอนหลับผวาตื่น ระบุฝันร้ายมีคนมาเอาชีวิต ชาวบ้านเผยคลองสายนี้เฮี้ยนเคยกลืนชีวิตคนในหมู่บ้านแล้ว 2 ศพ รวมครั้งนี้เป็น 5 ศพ ด้านหลวงพ่อเผยอาจเป็นอาถรรพ์สร้างศาลาที่พักศพ หลังจากนี้อาจจะมีพิธีกรรมทำบุญหมู่บ้านแก้อาถรรพ์ป้องกันเกิดเหตุร้ายซ้ำอีก 

จากกรณีเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุคนจมน้ำเสียชีวิต 3 คนภายในคลองชลประทาน บ้านหนาด หมู่ 3 ต.เหนือ อ.เมืองกาฬสินธุ์ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 21 เมษายน ที่ผ่านมา ก่อนจะช่วยกันงมศพขึ้นมาจากน้ำทราบชื่อคือเด็กหญิงพิมพ์ชนก บุญต้อย อายุ 8 ปี นางสมบัติ คงสมของ อายุ 66 ปี และเด็กชายกฤติเดช บุญศาสตร์ อายุ 8 ปี ซึ่งทั้ง 3 คน เป็นยายกับหลาน หลังจากพากันออกมาเลี้ยงวัวแล้วหลานลงเล่นน้ำแต่กลับจมน้ำ ผู้เป็นยายเห็นจึงลงไปช่วย สุดท้ายจมน้ำพร้อมกันเสีย 3 ศพ ท่ามกลางความโศกเศร้าของญาติและเพื่อนบ้านที่มาช่วยกันงมหาศพ

ล่าสุดเมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 22 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศงานศพทั้ง 3 คน ญาติได้นำมาตั้งบำเพ็ญกุศลเรียงกันภายในศาลาพักศพวัดบ้านหนาด หมู่ 3 ต.เหนือ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ หลังจากเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันชันสูตรพบว่าสาเหตุเกิดจากการขาดอากาศหายใจ ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของครอบครัว โดยเฉพาะครอบครัวนางอนัญญา คงสมของ อายุ 45 ปี แม่ของเด็กชายกฤติเดช ซึ่งยังอยู่ในความโศกเศร้าอย่างมากและร้องไห้อยู่ตลอดเวลา  เพราะยังทำใจไม่ได้ที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปพร้อมกัน 3 คน ทั้งผู้เป็นแม่ ลูกชาย และหลานสาว

นางอนัญญา คงสมของ อายุ 45 ปี แม่ของเด็กชายกฤติเดชหนึ่งในผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุวานนี้นางสมบัติผู้เป็นยายได้นอนหลับตอนกลางวัน จู่ๆก็สะดุ้งตื่น พร้อมร้องเอะอะโวยวาย บอกว่าฝันร้ายจะมีคนมาเอาชีวิต ก่อนที่จะเกิดเหตุร้ายกลายเป็นศพจมน้ำพร้อมหลาน 2 คน ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทราบว่ายายว่ายน้ำไม่เป็น และเพิ่งจะพาหลานลงเล่นน้ำคลองได้ 2 วัน เพราะตนเพิ่งสังเกตเห็นเสื้อผ้าลูกเปียกน้ำเมื่อวันก่อนเกิดเหตุ 1 วัน ก่อนจะเกิดเหตุร้ายเมื่อวานนี้ ทั้งนี้ คงจะเป็นเพราะอากาศร้อน จึงให้หลานลงเล่นน้ำ โดยใช้เชือกผูกไว้ดังกล่าว เนื่องจากน้ำลึกและกระแสน้ำพัดแรง คาดว่ายายเห็นหลานกำลังจะจมน้ำจึงลงไปช่วยก่อนพัดเอาร่างทั้ง 3 คนจมน้ำเสียชีวิตดังกล่าว โดยจะตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่วัดถึงวันเสาร์ที่ 24 เมษายน 2564 ก็จะนำไปฝังตามประเพณี อย่างไรก็ตามอยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์กับทุกคน โดยเฉพาะคนชราและเด็กอย่าลงเล่นน้ำคลองโดยเด็ดขาด เพราะอาจพลั้งพลาดจมน้ำเสียชีวิตเหมือนยายกับหลานดังกล่าว

ด้านหลวงพ่อบุญเรือง กิตฺติโน พระลูกวัดบ้านหนาด กล่าวว่า คลองส่งน้ำสายดังกล่าว เมื่อปี 2 ปีที่ผ่านมาเคยมีคนในหมู่บ้านจมน้ำเสียชีวิตแล้ว 2 ราย ก่อนที่จะมาเกิดเหตุสลดยายกับหลานเสียชีวิตพร้อมกัน 3 ศพ รวมเป็น 5 ศพ ทั้งนี้ ชาวบ้านเชื่อกันว่านอกจากจะเป็นอุบัติเหตุแล้ว ยังมีความเชื่อว่าเป็นอาถรรพ์อีกด้วย ซึ่งจะมีการประกอบพิธีแก้เคล็ดหรือสูตรถอดตามความเชื่อของชาวบ้าน และอีกประการหนึ่งที่พูดกันมากคือ จากการที่ทางวัดได้มีการก่อสร้างศาลาพักศพใหม่ ซึ่งกำลังจะแล้วเสร็จ  ก็มาเกิดเหตุการณ์ยายกับหลานเสียชีวิตดังกล่าว  จึงเชื่อว่าอาจจะเป็นอาถรรพ์การสร้างศาลาพักศพใหม่ ทั้งนี้ ทางวัดและชาวบ้าน จะได้ปรึกษาหารือกันเพื่อทำบุญหมู่บ้านแก้อาถรรพ์ ทั้งนี้เพื่อสร้างขวัญ กำลังใจ และความสบายใจของชาวบ้านทุกคน 

ทั้งนี้จากการสอบถามนางบาง จำเริญพิมพ์ อายุ 66 ปี เพื่อนบ้านของนางสมบัติ คงสมของ อายุ 66 ปี เล่าว่า บริเวณเกิดเหตุริมคลองชลประทาน นางสมบัติจะพาวัวมาเลี้ยงกินหญ้าเป็นประจำ ซึ่งก่อนวันเกิดเหตุ 1 วันก็นำวัวมาเลี้ยง และให้หลานชายและหลานสาวลงเล่นน้ำในคลอง แต่ได้ใช้เชือกผูกตัวหลานไว้ทั้งสองคนและผูกกับกอหญ้าไว้เพื่อป้องกันน้ำไหลและจมน้ำ ซึ่งในวันเกิดเหตุก็เห็นนางสมบัตินำวัวมาเลี้ยงเช่นเคย โดยมีหลานสาวและหลานชายลงเล่นน้ำ มีการผูกเชือกเหมือนเดิม แต่เชือกที่ผูกกับกอหญ้าหลุด ทำให้หลานทั้งสองคนถูกกระแสน้ำพัดจมลงไป ซึ่งคาดว่านางสมบัติผู้เป็นยายเห็นหลานกำลังจมน้ำจึงรีบลงไปช่วย แต่ไม่สามารถช่วยได้ เนื่องจากน้ำค่อนข้างลึกกว่า 2 เมตร และมีวัชพืชอยู่ได้น้ำ ประกอบกับอายุมาก จึงทำให้เกิดเหตุการณ์สลดใจทั้งสามคนจมน้ำเสียชีวิตพร้อมกัน

ขณะที่ ร.ต.ท.จิรายุ วงศ์วิวัฒน์ ร้อยเวร สภ.เมืองกาฬสินธุ์ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งเจ้าหน้าที่ช่วยกันนำศพทั้ง 3 คนขึ้นมาจากน้ำ ก่อนที่จะร่วมกันชันสูตรกับแพทย์พบว่าตามร่างกายทั้ง 3 รายไม่มีบาดแผลจากการถูกทำร้าย สาเหตุเกิดจากการจมน้ำและขาดอากาศหายใจเสียชีวิต ซึ่งญาติไม่ติดใจเจ้าหน้าที่จึงมอบศพให้นำกลับไปบำเพ็ญกุศลแล้ว

ณัฐพงษ์ ประชากูล จ.กาฬสินธุ์