Digitel Tech & Innovation

ดีป้าเปิดตัวd-stationสาขาแรกที่ระยอง หนุนธุรกิจท้องถิ่นสานฝันธุรกิจดิจิทัล



กรุงเทพฯ-ดีป้า เปิดตัว d-station สาขาแรก จ.ระยอง หนุนผู้ประกอบการท้องถิ่นสานฝันธุรกิจต่อยอดการเป็นกลไกกระตุ้นให้เกิดการประยุกต์ใช้ดิจิทัล ยกระดับชุมชนในพื้นที่ยั่งยืน

วันที่20สิงหาคม2567, จังหวัดระยองดีป้า ประกาศเปิดตัว d-stationสาขาแรกของประเทศไทย ใจกลางทำเลแห่งศักยภาพ สานฝันผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในพื้นที่ตั้งต้นธุรกิจ ผลักดันระบบนิเวศดิจิทัลในท้องถิ่น ชูบริการหลัก BKT Digital Solution เครื่องมือยกระดับธุรกิจสำหรับ SMEs และวิสาหกิจชุมชนที่ผ่านการขึ้นบนทะเบียนบัญชีบริการดิจิทัล เสริมด้วยบริการที่พัก และพื้นที่รองรับการสร้างชุมชนดิจิทัล บริหารธุรกิจโดยบนกองเงินกองทอง

ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้าเปิดเผยว่า ดีป้า ได้พัฒนากลไก d-station ขึ้น เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้กลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (Digi-Preneur) สามารถเติมเต็มศักยภาพในการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการดิจิทัลสัญชาติไทย และสร้างโอกาสการเข้าถึงตลาดได้มากขึ้น พร้อมกันนี้ยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในระดับท้องถิ่น ซึ่ง d-stationเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือส่งเสริมและสนับสนุนภายใต้มาตรการช่วยเหลือหรือการอุดหนุนเพื่อการเริ่มต้นธุรกิจอุตสาหกรรมดิจิทัล
ในบริษัทหมวดผู้ประกอบการให้บริการเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลชุมชน(Digi-preneur)

d-station จะเป็นผู้ช่วยให้คำแนะนำ เป็นที่ปรึกษา ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านดิจิทัล และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์/บริการของเครือข่ายดิจิทัลสตาร์ทอัพที่เหมาะสมกับบริบทของผู้ใช้งานแต่ละกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น ผู้ประกอบการ SMEs ผู้ประกอบการรายย่อย พ่อค้าแม่ค้า หาบเร่ แผงลอย รวมถึงเกษตรกร ชุมชนในชนบท และวิสาหกิจชุมชน ซึ่งนอกจากจะช่วยส่งเสริมศักยภาพ Digi-preneur ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนและธุรกิจท้องถิ่นแล้ว d-stationยังเป็นส่วนช่วยให้เกิดการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะระดับพื้นที่ด้วยเทคโนโลยี/บริการดิจิทัล นอกจากนี้ยังเป็นการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้กับดิจิทัลสตาร์ทอัพและผู้ให้บริการดิจิทัลสัญชาติไทย อีกทั้งเป็นการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลแก่ผู้ใช้งานระดับท้องถิ่น เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ยกระดับประสิทธิภาพการผลิต นำไปสู่การเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า เปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่ยุคดิจิทัล ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของประเทศอีกทางหนึ่งผู้อำนวยการใหญ่ดีป้า กล่าว

สำหรับ d-stationสาขาแรกของประเทศตั้งอยู่ใจกลางอำเภอเมืองของจังหวัดระยอง มีดิจิทัลสตาร์ทอัพในพื้นที่อย่าง บริษัทบนกองเงินกองทองจำกัด เป็นผู้บริหารธุรกิจ โดย นายอภิวัฒน์หวังมีชัยประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทบนกองเงินกองทองจำกัด กล่าวว่า แนวทางการบริหารกิจการ d-stationสาขาจังหวัดระยองมี BKT Digital Solution เป็นแนวคิดหลักในการบริหารจัดการ โดยธุรกิจหลักของ d-stationแห่งนี้คือการให้บริการด้าน Software Digital Solution และเป็นผู้แทนจำหน่ายเครื่องมือโปรแกรมดิจิทัลสำหรับธุรกิจ SMEs ที่เชื่อถือได้เนื่องจากทุกผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลที่จำหน่ายใน d-stationแห่งนี้ผ่านการขึ้นทะเบียนบัญชีบริการดิจิทัลซึ่งเชื่อมั่นว่าตรงปก ไม่ถูกหลอก และอยู่ในระดับราคาที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังมีการเติมเติมด้วยธุรกิจเสริมเพื่อสร้างชุมชนดิจิทัลด้วยการให้บริการพื้นที่สำหรับจัดประชุม สัมมนา เป็นพื้นที่ให้คำปรึกษาทางธุรกิจเชื่อมโยงกิจการและนักบัญชีที่เข้าใจนักธุรกิจ (Matching Accountant Service) รวมถึงพื้นที่ให้บริการที่พักสำหรับนักธุรกิจ

ทั้งนี้ ดีป้าตั้งเป้าที่จะขยายจำนวน d-station ให้ครอบคลุมในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ซึ่งในระยะเริ่มต้นตั้งเป้าดำเนินการใน 5 จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ นครสวรรค์ ประจวบคีรีขันธ์ และระยองที่เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีพิธีเปิดสาขาอย่างเป็นทางการ โดยมีดร.ปรีสารรักวาทินผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ดีป้า เป็นประธาน พร้อมด้วย นายอภิวัฒน์ในฐานะผู้บริหารโครงการ d-stationในพื้นที่จังหวัดระยองพร้อมทีมงานร่วมในพิธีดังกล่าว

ทั้งนี้ ดีป้า ยังมีโครงการดี ๆ อย่าง CONNEXION ที่มุ่งยกระดับองค์ความรู้ พัฒนาชุดทักษะใหม่ด้านดิจิทัลแก่คนไทย โดยเฉพาะผู้ว่างงานและนักศึกษาจบใหม่ที่กำลังหางานให้มีความพร้อมต่อการประกอบอาชีพใหม่ในยุคดิจิทัล และมีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซไทยอย่างคอนเทนต์ครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ หรือจะประกอบอาชีพอื่น ๆ ในสายอย่าง ออแกไนเซอร์ นักออกแบบ นักพากย์ นักเล่าเรื่อง เป็นต้น

และอีกหนึ่งโครงการกับ เปิดเมือง เปิดท่องเที่ยวไทยด้วยดิจิทัล กับการพัฒนา ThailandCONNEXเพื่อเป็นแพลตฟอร์มกลางที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางรูปแบบ Business to Business (B2B) ในลักษณะ Wholesales สำหรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้สามารถเข้าถึง นำเสนอสินค้าและบริการสู่ผู้ให้บริการท่องเที่ยว (Online Travel Agents : OTAs) ทั้งในประเทศและต่างประเทศทั่วโลก อีกทั้งช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันและเพิ่มโอกาสการเข้าถึงนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้กับผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม ลดการพึ่งพาแพลตฟอร์มต่างชาติ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ซึ่งที่ผ่านมาโครงการดังกล่าวประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย โดยมีผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว อาทิ กลุ่มธุรกิจที่พัก ร้านอาหาร และธุรกิจบริการเช่ายานพาหนะเข้าร่วมแพลตฟอร์ม ThailandCONNEXกว่า 1 แสนราย มีสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวกว่า 2 แสนรายการ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 12,000 ล้านบาท