In News
'ภูมิธรรม'ลงชายแดนเรียกถกผู้ว่าฯ4จว. สั่ง5ข้อดูแลปชช.ให้ค่าเหนื่อยชรบ.117ล.

กรุงเทพฯ-"ภูมิธรรม" ประชุมผู้ว่าฯ ชายแดนไทย-กัมพูชา 4 จังหวัด ย้ำ 5 ข้อสั่งการ โดยคำนึงชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนเป็นหัวใจสำคัญ พร้อมเตรียมอนุมัติค่าตอบแทนชรบ. ในพื้นที่กว่า 100 ล้านบาท เพื่อเป็นขวัญกำลังใจผู้ดูแลบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงแนวชายแดน
วันนี้ (9 ส.ค. 68) เวลา 10.15 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี โดยมี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตสุรินทร์ อ. เมือง จ. สุรินทร์ โดยนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ประชุมผ่านระบบ Video Conference จากที่ว่าการอำเภอเดชอุดม จ.อุบลราชธานี
นายภูมิธรรม กล่าวว่า สถานการณ์ภายหลังจากรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้เจรจาในการประชุม GBC ที่ประเทศมาเลเซีย มีผลการเจรจาเป็นที่น่ายินดี ด้วยจุดมุ่งหมายสำคัญคือ การรักษาสันติภาพให้ดีขึ้นเพื่อรักษาบ้านเมืองให้ชีวิตประชาชนได้มีสิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งกองทัพได้หารือและมีข้อสรุป คือ การหยุดยิงเกิดขึ้นโดยทันทีหลังจากที่ได้มีการคุยกัน โดยขณะนี้มีการเพิ่มอาเซียนเข้ามาเป็นสักขีพยาน รวมทั้งสหรัฐอเมริกาและสาธารณรัฐประชาชนจีนที่เข้ามาสังเกตการณ์ และประเทศเหล่านี้ก็ได้ส่งตัวแทนเข้าไปดูสถานที่จริงแล้ว ทำให้ได้เห็นความสูญเสียของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ทั้งทหาร ตำรวจ และพลเรือน โดยเมื่อกองทัพประเมินแล้วว่าปลอดภัยทุกพื้นที่ประชาชนก็จะกลับภูมิลำเนาได้ โดยต้องขอบคุณกระทรวงการต่างประเทศที่เข้ามาดูแล พูดคุยและรักษาสันติภาพ รวมถึงกระทรวงมหาดไทย ทั้งกรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่ร่วมขับเคลื่อนและสนับสนุนบทบาทของพื้นที่อย่างเต็มกำลังตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ รวมถึงสำนักนายกรัฐมนตรี ในเรื่องเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย และด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์ของกรมประชาสัมพันธ์
ทั้งนี้ นายภูมิธรรม ได้สั่งการ 5 แนวทางการบริหารจัดการในอำนาจหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด ได้แก่
1. อำนวยความสะดวกพี่น้องประชาชนกลับบ้าน โดยสามารถขอรับการสนับสนุนจากส่วนกลาง ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้สั่งการทุกส่วนงานให้พร้อมสนับสนุนทันทีแล้ว โดยขอให้วางแผนบูรณาการความร่วมมือทุกส่วนเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนกลับให้ได้เร็วที่สุด รวมถึงการอำนวยความสะดวกในด้านอื่น ๆ หากอะไรที่ดำเนินการได้ตามกรอบกฎหมายให้ทำทันที และทุกอย่างที่เกิดขึ้นต้องเก็บบันทึกด้วยเพื่อจะได้มีหลักฐานเป็นประโยชน์ในการรักษาอธิปไตยของประเทศต่อไป
2. การสำรวจความเสียหาย สภาพความพร้อมบ้านพักอาศัย สาธารณูปโภค ให้พร้อมเข้าอยู่ โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและการประปาส่วนภูมิภาคจะไม่เรียกเก็บสำหรับบ้านเรือนที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งศูนย์พักพิงทั้งหมด ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม - สิงหาคม 2568 สำหรับการซ่อมแซมบ้านเรือน ทุกส่วนราชการทั้งทหาร พลเรือน อาชีวะ สามารถช่วยเหลือโดยใช้เงินตามกรอบที่อนุมัติ รวมถึงเงินบริจาคที่ได้รับจากภาคส่วนต่าง ๆ โดยประสานมาที่ส่วนกลาง
3. การสำรวจประกอบอาชีพและสาธารณสุข ทั้งเรื่องสุขภาพกายใจ รวมถึงผู้ปฏิบัติงานทั้งทหาร ตำรวจ ตำรวจตระเวนชายแดน อาสาสมัคร เจ้าหน้าที่ทุกคนในพื้นที่ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน ต้องดูแลให้ครอบคลุมครบถ้วน
4. การเบิกจ่ายเยียวยาในภาวะที่ประชาชนเผชิญกับความทุกข์ ต้องใช้จ่ายอย่างมีคุณภาพ ครบถ้วน เต็มที่ บนเหตุผลและหลักการที่ต้องรักษาอธิปไตยของประเทศและชีวิตพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ ทุกอย่างต้องเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา รวมถึงผู้ปฏิบัติงานด้วย เพราะเป็นผู้เสียสละสำคัญ ทั้งแนวหน้าและแนวหลัง สมเกียรติภูมิแห่งความเป็นข้าราชการแห่งรัฐ ทหารกล้า ตำรวจของแผ่นดิน และ
5. ค่าตอบแทนชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) จะดูแลให้ดีที่สุด โดยหากถ้าทำงานวันละ 6 ชั่วโมงขึ้นไปแต่ไม่ถึง 12 ชั่วโมง 120 บาท แต่ถ้าเกินจาก 12 ชั่วโมงขึ้นไป 240 บาท รวมแล้วประมาณ 117 ล้านบาท เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับ ชรบ. หมู่บ้านต่าง ๆ ประมาณ 32,740 นาย ในพื้นที่