In News

สนข.เปิดตัวการเดินทางขนส่งสาธารณะ จัดระเบียบขนส่งซ้ำซ้อนและลดรถส่วนตัว



กรุงเทพฯ-สนข. เปิดตัวโครงการศึกษาเพิ่มสัดส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ เพิ่มการให้บริการ ลดความซ้ำซ้อน - ค่าใช้จ่าย - ระยะเวลาเดินทาง ตั้งเป้าลดรถส่วนตัว แก้ปัญหารถติด ลดมลพิษ

นายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร กระทรวงคมนาคม กล่าวว่า สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้ศึกษาพัฒนาระบบการคมนาคม    เพื่อเพิ่มสัดส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะในพื้นที่กรุงเทพฯ และพื้นที่ต่อเนื่อง มีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มสัดส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ตามเป้าหมายของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และปัจจุบันการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะในพื้นที่กรุงเทพฯ และพื้นที่ต่อเนื่อง มีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 18.4 คิดเป็น 5.29 ล้านคน - เที่ยว/วัน แบ่งเป็นรถไฟฟ้า 5.4% หรือ 1.55 ล้านคน - เที่ยว/วัน รถโดยสารประจำทาง 6.4% หรือ 1.84 ล้านคน - เที่ยว/วัน และอื่น ๆ อีก 6.6% หรือ 1.89 ล้านคน - เที่ยว/วัน

โครงการฯ จะดำเนินภายใต้กรอบแนวคิด 4 ด้าน ประกอบด้วย 1) ความครอบคลุม ลดความทับซ้อนของรถโดยสารสาธารณะ และเพิ่มความครอบคลุมของโครงข่าย 2) การให้บริการและความเพียงพอ โดยเพิ่มความถี่ของรถโดยสาร เพิ่มจำนวน ตู้ขบวนโดยสาร จัดบริหารรถโดยสารด่วน (Express service) 3) การเข้าถึงการจัดบริการรถโดยสารประจำทางระบบเสริม (Feeder) มีอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม และ 4) การปรับปรุงทางเท้า การเชื่อมต่อ - มีจุดเชื่อมต่อและสิ่งอำนวยการเชื่อมต่อการเดินทาง (ITF) ลดเวลาในระบบเปลี่ยนถ่ายระบบเก็บค่าโดยสารที่ใช้ร่วมกันได้หรือระบบตั๋วร่วม

โครงการฯ ถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันการใช้ระบบขนส่งสาธารณะให้เป็นทางเลือกหลักของประชาชน เพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล หากสามารถลดจำนวนการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลได้จะช่วยบรรเทาปัญหาที่หลากหลายในปัจจุบัน เช่น ช่วยบรรเทาปัญหาเรื่องการจราจรหนาแน่นและติดขัด โดยเฉพาะช่วงชั่วโมงเร่งด่วน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่มาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงของยานพาหนะ และสามารถส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นให้กับประชาชนในเขตเมือง การสัมมนาครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อแนะนำโครงการศึกษาพัฒนาระบบการคมนาคม เพื่อเพิ่มสัดส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะในพื้นที่กรุงเทพฯ และพื้นที่ต่อเนื่อง และเพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วนเพื่อให้โครงการบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้น

จากการเดินทางแบบไร้รอยต่อให้สามารถเชื่อมโยงสถานที่ต่าง ๆ ด้วยระบบขนส่งสาธารณะหลายรูปแบบ เพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และลดค่าใช้จ่ายของประชาชน ทั้งนี้ ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อให้โครงการดำเนินไปอย่างที่ตั้งเป้าหมายไว้ อีกทั้งเป็นโอกาสในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นนำมาซึ่งข้อเสนอแนะอันมีประโยชน์ในหลากหลายมิติ รวมถึงแนวทางเชิงปฏิบัติที่จะได้รับการสนับสนุนในการช่วยผลักดันเพื่อพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะของประเทศไทยก้าวไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน