In News
ภาวะเศรษฐกิจการคลังภูมิภาคในส.ค.68 การใช้จ่าย-ท่องเที่ยวหนุนส่งให้ขยายตัว

กรุงเทพฯ-เศรษฐกิจภูมิภาคเดือนสิงหาคม 2568 มีปัจจัยสนับสนุนจากการจับจ่ายใช้สอยเพื่อการบริโภค โดยเฉพาะภาคกลาง ภาคใต้ และ กทม. และปริมณฑล ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัวในทุกภูมิภาคยกเว้นภาคใต้ และ กทม. และปริมณฑล
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนสิงหาคม 2568 ว่า “เศรษฐกิจภูมิภาคเดือนสิงหาคม 2568 มีปัจจัยสนับสนุนจากการจับจ่ายใช้สอยเพื่อการบริโภค โดยเฉพาะภาคกลาง ภาคใต้ และ กทม. และปริมณฑล ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัวในทุกภูมิภาคยกเว้นภาคใต้ และ กทม. และปริมณฑล” โดยมีรายละเอียดดังนี้
เศรษฐกิจภาคกลางในเดือนสิงหาคม 2568 มีปัจจัยสนับสนุนจากการจับจ่ายใช้สอยเพื่อการบริโภค เงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการ และการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ และจำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ขยายตัวที่ร้อยละ 9.5 และ 2.1 ต่อปี ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม จำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ และรายได้เกษตรกรหดตัวที่ร้อยละ -9.2 และ -16.3 ต่อปี ตามลำดับ ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 49.3 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 50.7 เครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -70.8 ต่อปี แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 10.7 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล อย่างไรก็ตาม จำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -40.8 ต่อปี ทั้งนี้ เงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการขยายตัวที่ร้อยละ 81.5 ต่อปี โดยเป็นการลงทุนในโรงงานผลิตภัณฑ์โลหะสำหรับใช้ในการก่อสร้างในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นสำคัญ ด้านอุปทาน เครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 92.3 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 95.1 เครื่องชี้ภาคการบริการ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนขยายตัวที่ร้อยละ 5.6 และ 8.7 ต่อปี ตามลำดับ
เศรษฐกิจภาคใต้ในเดือนสิงหาคม 2568 มีปัจจัยสนับสนุนจากการจับจ่ายใช้สอยเพื่อการบริโภคที่ขยายตัวได้ โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ และจำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ขยายตัวที่ร้อยละ 4.1 และ 1.2 ต่อปี ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม จำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ และรายได้เกษตรกรหดตัวที่ร้อยละ -14.1 และ -5.9 ต่อปี ตามลำดับ ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 49.2 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 50.5 เครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -30.3 ต่อปี แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 20.3 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล อย่างไรก็ตาม จำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -45.6 ต่อปี และเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการหดตัว ด้านอุปทาน เครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 78.7 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 80.1 เครื่องชี้ภาคการบริการ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนหดตัวที่ร้อยละ -3.7 และ -13.8 ต่อปี ตามลำดับ
เศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือในเดือนสิงหาคม 2568 มีปัจจัยสนับสนุนจากการจับจ่ายใช้สอยเพื่อการบริโภค เงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการ และการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ขยายตัวที่ร้อยละ 5.4 ต่อปี อย่างไรก็ตาม จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ จำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ และรายได้เกษตรกรหดตัวที่ร้อยละ -6.0 -15.5 และ -11.4 ต่อปี ตามลำดับ ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 53.0 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 54.5 เครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -49.9 และ -62.2 ต่อปี ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม เงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการขยายตัวที่ร้อยละ 17.5 ต่อปี โดยเป็นการลงทุนในโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์การขึ้นรูปจากพลาสติกในจังหวัดสกลนคร เป็นสำคัญ ด้านอุปทาน เครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 65.9 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 67.0 เครื่องชี้ภาคการบริการ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนขยายตัวที่ร้อยละ 0.7 และ 0.6 ต่อปี ตามลำดับ
เศรษฐกิจภาคเหนือในเดือนสิงหาคม 2568 มีปัจจัยสนับสนุนจากการจับจ่ายใช้สอยเพื่อการบริโภคและการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ขยายตัวที่ร้อยละ 4.7 ต่อปี อย่างไรก็ตาม จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ จำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ และรายได้เกษตรกรหดตัวที่ร้อยละ -2.0 -22.1 และ -26.8 ต่อปี ตามลำดับ อีกทั้งดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 50.7 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 52.3 เครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -57.7 ต่อปี แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 7.2 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล อย่างไรก็ตาม จำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ และเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการหดตัว ด้านอุปทาน เครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 82.7 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 84.1 อย่างไรก็ตาม เครื่องชี้ภาคการบริการ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนขยายตัวที่ร้อยละ 4.1 และ 4.0 ต่อปี ตามลำดับ
เศรษฐกิจภาคตะวันออกในเดือนสิงหาคม 2568 มีปัจจัยสนับสนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ อีกทั้งดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้น โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ขยายตัวที่ร้อยละ 3.6 ต่อปี ขณะที่การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ จำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ และรายได้เกษตรกรหดตัวที่ร้อยละ -1.5 -3.1 และ -10.0 ต่อปี ตามลำดับ ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 52.4 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 53.9 เครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -31.2 ต่อปี แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 8.6 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ขณะที่จำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ และเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการหดตัว ด้านอุปทาน เครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 89.4 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 88.4 เครื่องชี้ภาคการบริการ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือนขยายตัวที่ร้อยละ 1.5 ต่อปี ขณะที่รายได้จากผู้เยี่ยมเยือนหดตัวที่ร้อยละ -9.1 ต่อปี แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 11.2 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล
เศรษฐกิจภาคตะวันตกในเดือนสิงหาคม 2568 มีปัจจัยสนับสนุนจากการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่หดตัวที่ร้อยละ -2.9 ต่อปี แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 5.3 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล อย่างไรก็ตาม จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ จำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ และรายได้เกษตรกรหดตัวที่ร้อยละ -0.6 -4.4 และ -9.6 ต่อปี ตามลำดับ ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 49.3 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 50.7 เครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -55.4 ต่อปี แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 2.1 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล อย่างไรก็ตาม จำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -36.4 ต่อปี ทั้งนี้ เงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการหดตัว ด้านอุปทาน เครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 92.3 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 95.1 เครื่องชี้ภาคการบริการ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนขยายตัวที่ร้อยละ 0.4 และ 2.6 ต่อปี ตามลำดับ
เศรษฐกิจ กทม. และปริมณฑล ในเดือนสิงหาคม 2568 มีปัจจัยสนับสนุนจากการจับจ่ายใช้สอยเพื่อการบริโภคที่ขยายตัวได้ โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ขยายตัวที่ร้อยละ 11.0 ต่อปี อย่างไรก็ตาม จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ จำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ และรายได้เกษตรกรหดตัวที่ร้อยละ -7.7 -9.7 และ -21.5 ต่อปี ตามลำดับ อีกทั้งดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 49.0 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 50.5 เครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -24.6 และ -50.7 ต่อปี ตามลำดับ อีกทั้งเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการหดตัว ด้านอุปทาน เครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 92.3 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 95.1 เครื่องชี้ภาคการบริการ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนหดตัว