Travel Sport & Soft Power

การคุ้มครองข้อมูลส่วนตัวเด็ก-เยาวชน บนโลกออนไลน์



ผู้ช่วยศาสตราจารย์ทัชชภร มหาแถลงคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม

กรุงเทพฯ-ในปัจจุบัน โลกเครือข่ายในยุคไร้พรมแดนนั้น มีบทบาทสำคัญและมีส่วนเกี่ยวข้องในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำธุรกรรม การติดต่อสื่อสาร ค้นคว้าหาข้อมูล รวมถึงใช้เป็นฐานเก็บข้อมูลสำคัญต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อการใช้อินเทอร์เน็ตซึ่งเป็น เครือข่ายนานาชาติ ที่เกิดจากเครือข่ายเล็ก ๆ มากมาย รวมเป็นเครือข่ายเดียวกันทั้งโลกมีความสำคัญและมีความเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน

เมื่อเทคโนโลยีสารสนเทศก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว การใช้โซเชียลมีเดีย (Social Media) ไม่ว่าจะเป็นเฟสบุค (Facebook) อินสตาแกรม (Instagram) ทวิตเตอร์ (Twitter) ยูทูป (Youtube) ติ๊กต่อก (TIK-TOK) ฯลฯ จึงเข้ามามีบทบาทและได้รับความนิยม เป็นเสมือนอีกสังคมหนึ่ง ซึ่งทำให้ทุกคนมีสิทธิที่จะเป็นคนมีชื่อเสียงในโลกโซเชียลมีเดีย เป็นเนตไอดอล (Net Idol) ทำให้คนธรรมดาได้ใกล้ชิดกับคนมีชื่อเสียงหรือบุคคลสาธารณะ และเป็นช่องทางการทำธุรกิจ หรือการตลาดของผู้ประกอบการออนไลน์ด้วย โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้ปกครองสร้างเฟสบุค หรืออินสตาแกรมของลูก หรือนำภาพไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่งหรือเคลื่อนไหวของเด็กมาลงในโซเชียลมีเดีย สิทธิขั้นพื้นฐานที่สำคัญซึ่งมีในรัฐธรรมนูญทุกฉบับนั้น

มีหลักการที่สำคัญว่า มนุษย์ทุกคนจะมีสิทธิในชีวิต ร่างกาย อนามัย เสรีภาพ ทรัพย์สิน ฯลฯ และกฎหมายให้ความสำคัญกับ “การคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคล” รวมถึงการให้ข้อมูลส่วนบุคคลด้วย สิทธิส่วนบุคคลเป็นสิ่งสำคัญต่อเด็กเพราะช่วยในการควบคุมการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวเด็ก ซึ่งสิ่งนี้เป็นปัจจัยที่สำคัญในการพัฒนาตามธรรมชาติของเด็กเนื่องจากความเป็นส่วนตัวถูกนำมาเชื่อมโยงกับการสร้างอัตลักษณ์และความสามารถที่จะเข้าไปในความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น เด็กๆเหล่านี้ ยังไม่สามารถใช้โซเชียลมีเดียได้ด้วยตัวเอง เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี สามารถเล่นเฟสบุค ลงภาพในอินสตาแกรมเองได้ดังนั้น ความเคลื่อนไหวต่างๆของเด็กที่เราเห็นบนโลกออนไลน์ จึงเป็นการโพสโดยพ่อแม่หรือผู้ปกครองของเด็ก ซึ่งการแชร์รูปหรือวีดีโอของเด็กๆเหล่านี้นั้น อาจมีบุคคลเข้ามาชื่นชมและแชร์รูปหรือคลิปดังกล่าวในความน่ารักและความไร้เดียงสาของเด็ก แต่ในขณะเดียวกันอีกแง่มุมหนึ่งนั้น อาจเป็นการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของเด็กในแง่ของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าจะเป็นชื่อ อายุ เพศ ที่อยู่ ฯลฯ หรือถูกนำไปใช้ในการทำการตลาดบนโลกออนไลน์รวมถึงการนำภัยมาสู่เด็กโดยไม่รู้ตัว

ซึ่งเครือข่ายสังคมต่างๆบนอินเทอร์เน็ตไม่ว่าจะเป็นการสนทนาออนไลน์ กระดานข่าว หรือเว็บไซต์ต่างๆมีผู้ใช้เป็นจำนวนมากที่เป็นเด็ก ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อเด็กมากขึ้นหากนำไปใช้ในทางที่ผิดจะทำให้เกิดภยันตรายต่อเด็กตามมา เช่น กระทำการแสวงหาผลประโยชน์เชิงพาณิชย์จากเด็กออนไลน์ การล่อลวงเด็ก เป็นต้น

ซึ่งสาเหตุที่สำคัญสาเหตุหนึ่งของปัญหาเหล่านี้เกิดจากการละเมิดความเป็นส่วนตัวของเด็กโดยมีการเปิดเผยข้อมูลอันเป็นข้อมูลส่วนบุคคลของเด็กโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือโดยมีลักษณะที่อาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อเด็กได้สำหรับกฎหมายไทยนั้น มีพระราชบัญญัติคุ้มครองสิทธิเด็ก พ.ศ. 2546 มาตรา 27 “ห้ามโฆษณาหรือเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเด็ก โดยเจตนาที่จะทำให้ เกิดความเสียหายแก่จิตใจ ชื่อเสียง หรือเกียรติคุณ หรือเพื่อแสวงหาประโยชน์สำหรับตัวเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ” ซึ่งในการให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเด็กนั้นครอบคลุมถึงข้อมูลส่วนบุคคลบนอินเทอร์เน็ตหรือไม่นั้น ยังไม่ตัวบทกฎหมายระบุไปอย่างชัดเจน ทำให้เจ้าของเว็บไซต์หรือผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตทาการจัดเก็บประมวลผลนำไปใช้หรือเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลของเด็กที่เข้าบริการอินเทอร์เน็ตโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยกระทำในลักษณะที่อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อเด็กหรือเพื่อแสวงหาประโยชน์อันมิชอบด้วยกฎหมายได้สำหรับเหตุผลที่ต้องคุ้มครองสิทธิเด็กนั้น

เนื่องจากเด็กไม่รู้และไม่สามารถใช้สิทธิได้ด้วยตัวเอง ประเทศในสหภาพยุโรป เช่น ฝรั่งเศส เยอรมัน กฎหมายเรื่องความเป็นส่วนตัวของเด็กเข้มงวดมาก โดยเฉพาะการลงรูปภาพหรือวีดีโอของเด็กบนสื่อออนไลน์ พ่อแม่หรือผู้ปกครองของเด็กอาจถูกเด็กฟ้องในภายภาคหน้าเนื่องจากการโพสภาพของพวกเขาเมื่อครั้นยังเยาว์วัย พ่อแม่หรือผู้ปกครองของเด็กดังกล่าวอาจถูกตัดสินให้จำคุกได้จากการละเมิดความเป็นส่วนตัวดังกล่าว และการโพสรูปหรือวีดีโอของเด็กบนสื่อออนไลน์ อาจทำให้กลุ่มคนที่มีรสนิยมชอบร่วมเพศกับเด็ก (Paedophiles) ใช้ประโยชน์จากภาพหรือวีดีโอของเด็กบนสื่อออนไลน์ ซึ่งจะนำอันตรายมาสู่เด็กในชีวิตจริงได้ ในประเทศเยอรมันนั้น กำหนดอายุของเด็กคือบุคคลที่อายุต่ำกว่า 14 ปี ห้ามพ่อแม่หรือผู้ปกครองเด็ก เช็คอิน (check in) ว่าเด็กอยู่ที่ใดบนสื่อออนไลน์ เช่น เฟสบุค หรือ อินสตาแกรม แม้เด็กจะอยู่กับพ่อแม่หรือผู้ปกครองก็ตาม