In News
หลวงพี่น้ำฝนรุกจี้รพ.ศูนย์นครปฐมแก้ไข เจ้าหน้าที่บริการพูดไม่สุภาพกับผู้สูงอายุ
นครปฐม -หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ไม่ปล่อยผ่านรุกประสานผู้บริหารโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม แก้ไขปรับการให้บริการผู้สูงอายุ หลังเจ้าหน้าที่พูดไม่สุภาพกับผู้สูงวัยบ่อยครั้งในพื้นที่วัดพร้อมสั่งเข้มขานรับนโยบายรับศึก โควิด-19 `แพร่ระบาดระลอก 2 ตั้งจุดตรวจนำพระช่วยคัดกรองก่อนผู้ป่วยเข้าตรวจรับบริการ
วันที่ 4 ธันวาคม 63 ที่หน้าคลีนิคครอบครัว โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม สาขาวัดไผ่ล้อม พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม นำคณะพระภิกษุ ร่วมกับเจ้าหน้าที่พยาบาลโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม ตั้งจุดคัดกรองที่บริเวณหน้าคลีนิคผู้ป่วยนอก โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และคลีนิคครอบครัว เพื่อให้บริการในการรับผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่มาเจาะเลือดในการรักษาอาการความดันโลหิตและโรคเบาหวาน รวมถึงคัดกรองผู้ป่วยที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยเพื่อให้มีการปฏิบัติตามกฎสำหรับป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดในรอบที่ 2 และกำลังได้รับการจับตาอยู่ในขณะนี้
โดย หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เผยว่า ในการเข้ามาดูแลผู้สูงอายุในเช้านี้ เนื่องจากได้รับการร้องเรียนและมีผู้มารับบริการเป็นผู้สูงอายุได้เขียนจดหมายร้องเรียนไปยังสื่อมวลชน ว่าได้รับการบริการที่ใช้วาจาไม่สุภาพจากเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการในส่วนของคลีนิคครอบครัว โรงพยาบาลนครปฐม สาขาวัดไผ่ล้อม ซึ่งได้มีการเข้ามาสอบถามและหาข้อมูล โดยพบว่าเรื่องดังกล่าวนั้นมีจริงจึงได้มีการเข้ามาให้ความเข้าใจต่อกัน ซึ่งหากจะบอกตามตรงคือปัญหานี้ก็มีมานานและหากให้ความเป็นธรรม ในจุดที่ให้บริการที่วัดไผ่ล้อมก็มีทั้ง 2 ฝ่าย บางครั้งคนไข้ก็มาเพื่อต้องการความรวดเร็ว ให้ได้ดั่งใจ ส่วนเจ้าหน้าที่ก็เหนื่อยล้าจากการทำงานที่หนักต่อเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 `แพร่ระบาด ซึ่งตอนนี้ได้ปรึกษาไปยังผู้บริหารโรงพยาบาลนครปฐมแล้ว โดยเตรียมจะนำเอาธรรมะไปบรรยายให้เจ้าหน้าที่ที่มาปฎิบัติหน้าที่เพื่อปรับทัศนคติในเรื่องการทำงานด้านการบริการประชาชนด้วย ส่วนประชาชนได้เน้นว่าหน้ากากอนามัยนั้นยังสำคัญมาก ทุกคนยังต้องสวมใส่ไว้ตลอด ซึ่งทางวัดไผ่ล้อมยังเน้นเรื่องการสวมอยู่ตลอดเวลาในสังคม
หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม กล่าวอีกว่า ตอนนี้สถานการณ์ของการแพร่ไวรัสโควิด-19 กำลังมีกระแสกลับมาระบาดเพิ่มขึ้น ซึ่งได้นิมนต์พระภิกษุสงฆ์ มาช่วยเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล ในการตั้งจุดคัดกรองให้กับผู้ป่วยที่ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุ โดยจะเน้นการสวมหน้ากากอนามัย.การวัดไข้การลงทะเบียนที่ชัดเจนเพื่อรอตรวจสอบได้โดยเป็นแบบเข้มข้นอีกรอบ ซึ่งตรงนี้ก็เข้าใจว่าทั้งผู้มารับบริการและผู้ที่ให้บริการต้องมีความมอดทนมากขึ้น โดยหากมีการตั้งสถานที่ในการตรวจให้บริการในพื้นที่วัดไผ่ล้อม ก็จะยอมให้เกิดปัญหาระหว่างกันของทั้ง 2 ฝ่ายไม่ได้ และต้องเริ่มแก้ไขทันทีตั้งแต่วันนี้
ขณะที่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม ได้รับทราบข้อมูลการร้องเรียนเรื่องการให้บริการของประชาชนมาแล้วซึ่งตรงนี้ก็ทราบว่าเป็นปัญหาตรงจุดไหน โดยพร้อมจะมีการแก้ไขการเปลี่ยนแปลงเรื่องการให้บริการ ซึ่งทราบดีว่างานทางการแพทย์คืองานบริการโดยตอนนี้ได้ชี้แจงไปยังผู้บริหารแล้ว โดยได้รับการชี้แจงให้มีการจัดทำป้ายสร้างความเข้าใจให้กับผู้มารับบริการให้เข้าใจมากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ยอมรับว่าการเจ้าหน้าที่ที่มีมาไม่มากเท่าจำนวนผู้มาขอรับบริการ โดยวันหนึ่งมีเข้ามาราว 400 คนและมีกำลังไม่เพียงพอ ทั้งการที่จะให้บริการแบบรวดเร็วก็ทำได้ยากเพราะต้องมีกรเว้นระยะห่างทางสังคมตามกฎระเบียบ ซึ่งจากนี้จะมีการเข้มข้นขึ้นอีกเนื่องจากมีการแพร่กระจายของไวรัส โควิด-19 ในระรอกใหม่ในประเทศเกิดขึ้นแล้วด้วย
ด้าน นางจิตรการ พรหมเลขา อายุ 73 ปี ข้าราชการบำนาญครู บอกว่า ตนเองมาใช้บริการที่วัดไผ่ล้อมหลายครั้งก็พบว่ามีการให้บริการของเจ้าหน้าที่ที่ดี ซึ่งประเด็นของการพูดจาไม่สุภาพนั้นตนเองไม่เคยเจอ แต่ยอมรับว่าได้มีการแยกสาขาของโรงพยาบาลมาที่วัดไผ่ล้อมแล้วสะดวกสบายขึ้นมาก ส่วนตัวถือว่าได้รับความสะดวก
ทั้งนี้ประเด็นการร้องเรียนหรือการโพสต์ข้อความในเรื่องการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลนครปฐม ได้มีการร้องเรียนเรื่องการให้บริการนั้นมีมาอย่างต่อเนื่องแต่ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาที่จะแก้ไขปัญหาในระยะยาวได้จนถึงขณะนี้ แต่ส่วนหนึ่งก็มีความเข้าใจถึงสภาวะความเครียดของเจ้าหน้าที่ที่ต้องทำงานอย่างหนักในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่กินเวลายานนานมากว่า 1 ปีแล้ว