In News
ศาลเยาวชนผนึกบช.น.-สถานพินิจกทม. ลงนามให้ความรู้ด้านกม.แก่เด็กในชุมชน
กรุงเทพฯ-อธิบดีศาลเยาวชนและครอบครัวกลางผนึกบช.น.- สถานพินิจกทม. ลงนามให้ความรู้กฎหมาย.เด็กแก่ ในชุมชนโดยมีการจัดกิจกรรมการให้ความรู้เกี่ยวกับการสร้างความเข้าใจระหว่างผู้ปกครองและเด็กหรือเยาวชนเพื่อป้องกันการกระทำผิดที่อาจเกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนให้กับตัวแทนหรือประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครกว่า 900 คน
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 16 ธ.ค. 2563. ที่ศาลเยาชนและครอบครัวกลาง นางอโนชา ชีวิตโสภณ ผู้พิพากษาศาลฎีกา ช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งอธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น. นายฤทธา สังศิลา ผอ.สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกรุงเทพมหานคร ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการสร้างครอบครัวอบอุ่นและเข้มแข็ง โดยมีการจัดกิจกรรมการให้ความรู้เกี่ยวกับการสร้างความเข้าใจระหว่างผู้ปกครองและเด็กหรือเยาวชนเพื่อป้องกันการกระทำผิดที่อาจเกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนให้กับตัวแทนหรือประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครกว่า 900 คน เข้าร่วมโครงการดังกล่าว ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.ย. 2564 โดยจะจัดให้มีกิจกรรมครั้งแรกในวันที่ 19 ธ.ค.2563 เวลา 08.00 - 12.00 น. ที่รร.บางมดวิทยา
นางอโนชา ชีวิตโสภณ ผู้พิพากษาศาลฎีกา ช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งอธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง กล่าวว่า “ตามนโยบายหลักของ นางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา มีนโยบายในการสร้างการมีส่วนร่วม การรับรู้ลดช่องว่างกับบุคลากรภายนอกในรูปแบบที่เหมาะสมเพื่อสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาศาลยุติธรรมที่ยั่งยืน ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง จึงได้มากำหนดนโยบายดังกล่าว โดยมีนางอุไรรัตน์ น้อยสุวรรณ รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง รับผิดชอบจัดกิจกรรมป้องกันการกระทำความผิดและเสริมสร้างสถาบันครอบครัวอบอุ่นแข็งแรง”
“โดยศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ได้ร่วมกับทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ชุมชนต่างๆ เพื่อสร้างความตระหนักถึงความสำคัญในการป้องกันการกระทำผิดเกี่ยวกับเด็ก คาดหวังว่าการให้ความรู้แก่แกนนำในชุมชนต่างๆ สามารถนำความรู้ไปถ่ายทอดต่อเพื่อสร้างความเข้าใจกับชุมชนนั้นๆ รวมถึงช่วยสอดส่องดูแลเด็กและเยาวชน พร้อมทั้งช่วยเหลือ เพื่อเป็นโอกาสเป็นเกาะช่วยคุ้มครองลดการกระทำความผิดที่เป็นปัญหาเกิดขึ้นในสังคมต่อไป”
“ข้อดีมีชุมชนช่วยสอดส่องดูแลให้คำแนะนำต่างๆ เพื่อให้ครอบครัวและชุมชนสามารถจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม และยังเป็นการป้องกันการกระทำความผิดของเด็กและเยาวชนในทุกรูปแบบ อันส่งผลให้ครอบครัวมีความเข้มแข็งอบอุ่นและมีคุณภาพชีวิตที่ดี” อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง กล่าว
ด้านพล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า โครงการดังกล่าว เป็นโครงการที่ดีที่มีการประสานงานร่วมระหว่าง 3 หน่วยงาน เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนช่วยสร้างเครือข่ายผู้นำชุมชนให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น เมื่อชุมชนเข้มแข็งแล้วก็จะขยายออกจากชุมชน หมู่บ้าน เป็นตำบล เป็นเมือง ทำให้สังคมมีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น