In News
พม.เปิดตัวแอปฯ 'เงินเด็ก'บริการดิจิทัล ให้พ่อ-แม่เข้าถึงเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด
กรุงเทพฯ-พม. เปิดตัวแอปพลิเคชัน เงินเด็ก ยกระดับบริการดิจิทัลให้ประชาชนเข้าถึงเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด
วันนี้ (16 ก.ย. 65) เวลา 10.00 น. นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานงานแถลงข่าว Mobile Application "เงินเด็ก" เพื่อยกระดับงานบริการโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด โดยมี นางจตุพร โรจนพานิช อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน กล่าวรายงาน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวง พม. และผู้แทนภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม และองค์การระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด เข้าร่วมงาน ณ ห้องประชาบดี ชั้น 19 อาคารกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว ถนนกรุงเกษม กรุงเทพฯ
นายจุติ กล่าวว่า โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดดำเนินการตามแผนบูรณาการการพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิตตั้งแต่ปีงบประมาณ 2559 โดยมารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ยื่นขอรับเงินอุดหนุนฯได้อัตรา 600 บาทต่อคนต่อเดือน จนทารกมีอายุครบ 6 ปี เพื่อสร้างระบบคุ้มครองทางสังคม ด้วยการจัดสวัสดิการเงินอุดหนุนให้แก่เด็กแรกเกิดในครัวเรือนยากจนหรือครัวเรือนที่เสี่ยงต่อความยากจน ทำให้เด็กได้รับการดูแลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีพัฒนาการเหมาะสมตามวัย รวมทั้งเป็นหลักประกันให้เด็กได้รับสิทธิด้านการอยู่รอดและการพัฒนาตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) จึงได้พัฒนาการจัดสวัสดิการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกผ่านระบบดิจิทัล ด้วยระบบฐานข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ โดย Mobile Application "เงินเด็ก" เป็นแอปพลิเคชันลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ทำให้มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเด็กแรกเกิด "สะดวก รวดเร็ว ตรวจสอบง่าย" ช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพื่อลงทะเบียนและติดต่อข้อมูล ลดจำนวนเอกสาร ส่งเอกสารด้วยระบบไฟล์ ลดปัญหาการบันทึกข้อมูลผิดพลาด แก้ไขข้อมูลด้วยตนเอง และมีระบบแจ้งเตือนตรวจสอบสถานะสิทธิได้ทันที
นายจุติ กล่าวต่อไปว่า วันนี้ เป็นงานที่ยืนยันถึงความสำเร็จของการบูรณาการความร่วมมือระหว่างรัฐบาล โดย 20 กระทรวง ร่วมกับยูนิเซฟ ที่ทำให้งานนี้สำเร็จตามยุทธศาสตร์ชาติ และนโยบายของรัฐบาล คือเราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และการเป็นรัฐบาลดิจิทัล สู่ประเทศไทย 4.0 ซึ่งเด็กแรกเกิดจะต้องได้รับการดูแลตั้งแต่วันแรกจนครบอายุ 6 ปี โดยที่จะไม่มีการตกหล่น เพื่อเป็นกำลังสำคัญให้กับประเทศ และวันนี้ ยืนยันได้ว่าโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดประสบความสำเร็จ ต้องขอขอบคุณทุกท่าน ทุกองค์กร/หน่วยงาน ที่ปิดทองหลังพระและอดทนให้งานนี้สำเร็จ เพื่อประเทศไทยและคนไทย
นายจุติ กล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับแอปพลิเคชัน "เงินเด็ก" มีการพัฒนามาเป็นระบบดิจิทัล ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่าย ประหยัดเวลา เพิ่มโอกาสในการเข้าถึง และลดความผิดพลาด ซึ่งเด็กรุ่นใหม่โตมากับโทรศัพท์มือถือจะได้ใช้สิทธินี้อย่างเต็มที่ และจะเห็นได้ว่าเมื่อเด็กโตมาจนมีอายุครบ 6 ปี รัฐบาล โดย 20 กระทรวง จะสามารถเข้ามาดูแลได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยการพัฒนาเด็กจากการพึ่งพาไปสู่พอเพียง และสู่ความยั่งยืนได้ ทั้งนี้ ขอขอบคุณสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ สพร. ที่เป็นกำลังหลักและทำหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ในฐานะสำนักนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ แอปพลิเคชัน "เงินเด็ก" ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทาง ส่งผลให้มีเวลาเลี้ยงดูลูก ทำมาหากิน สำหรับพื้นที่ห่างไกล กระทรวง พม. มีอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) อยู่ทั่วประเทศที่คอยแนะนำ รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะคอยช่วยเหลือด้วย เพื่อให้รากฐานของประเทศเข้มแข็งและเป็นรากฐานที่ดีในอนาคต
นางจตุพร กล่าวเพิ่มเติมว่า มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเด็กแรกเกิด สามารถเข้าใจบริการได้ง่ายๆ ของแอปพลิเคชัน เงินเด็ก ผ่าน 6 เมนูหลัก ประกอบด้วย 1) เมนูลงทะเบียน 2) เมนูติดตามสถานการณ์รับเงิน 3) เมนูขอเปลี่ยนแปลงสิทธิ 4) เมนูตรวจสอบสิทธิ 5) เมนูติดต่อสอบถาม และ 6) เมนูประเมินความพึงพอใจ โดยการลงทะเบียนต้องพิสูจน์ตัวตนในครั้งแรก ณ ที่ว่าการอำเภอหรือสำนักงานเขต รวมถึงยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชั่น D.DOPA และยื่นคำร้องขอลงทะเบียนผ่านแอปพลิชัน เงินเด็ก พร้อมหลักฐานเอกสารที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ปฏิบัติการโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด กรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) ทางเว็บไซต์ http://csgcheck.dcy.go.th หรือโทร. 08 2091 7245, 08 2037 9767 และ 06 5731 3199 หรือศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน พม. โทร. 1300 บริการฟรี 24 ชั่วโมง