In News

ขร.ระดมกึ๋นพัฒนาโครงข่ายรถไฟทั่วไทย ให้ครอบคลุมเชื่อมโยงแบบไร้รอยต่อ



กรุงเทพฯ-กรมการขนส่งทางราง จัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นโครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงข่ายรถไฟให้ครอบคลุมและเชื่อมโยงพื้นที่ทั่วประเทศและรองรับการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบได้อย่างไร้รอยต่อ (R-map) พื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู

โดยมี นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทาง(ขร.) กระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดการสัมมนาฯ โดยได้รับเกิยรติจากนางศิวพร ฉั่วสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู ให้การต้อนรับ และนายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม (หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านการขนส่ง) กล่าวขอบคุณผู้แทนภาครัฐ ภาคเอกชน สมาคมผู้ประกอบการ ประชาชนที่สนใจเข้าร่วมการสัมมนา

อธิบดีกรมการขนส่งทางราง กล่าวว่า กรมการขนส่งทางราง (ขร.) ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลระบบขนส่งทางรางทั่วประเทศให้เป็นมาตรฐานระดับสากล และเสนอแนะนโยบาย ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งทางรางของประเทศ รวมถึงแผนการพัฒนาด้านการขนส่งทางราง ศึกษาและพัฒนาเพื่อกำหนดโครงข่ายการขนส่งทางราง จึงมีความจำเป็นต้องดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงข่ายรถไฟให้ครอบคลุม และเชื่อมโยงพื้นที่ทั่วประเทศและรองรับการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบได้อย่างไร้รอยต่อ เพื่อทบทวนแผนแม่บทการพัฒนาโครงข่ายทางรถไฟสนับสนุนเขตเศรษฐกิจพิเศษ การท่องเที่ยวและการพัฒนาพื้นที่ และศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงข่ายรถไฟให้ครอบคลุม และเชื่อมโยงพื้นที่ทั่วประเทศ และรองรับการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบได้อย่างไร้รอยต่อ โดยจะเป็นการเชื่อมต่อโครงข่ายเดิมกับแหล่งเกษตรกรรม แหล่งท่องเที่ยว นิคมอุตสาหกรรม และประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงการพัฒนาพื้นที่ในระดับจังหวัดและระดับภูมิภาค ทั้งในเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์รูปแบบต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจ การกระจายโอกาส การพัฒนาความเจริญสู่ระดับจังหวัด และภูมิภาค เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

สำหรับจังหวัดหนองบัวลำภู เป็นจังหวัดที่อยู่ใกล้เคียงกับแนวเส้นทางโครงการรถไฟทางคู่และโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงนครราชสีมา - หนองคาย โดยที่สามารถจะวางแผนพัฒนาโครงข่ายรถไฟต่อไปยังจุดผ่านแดนถาวร สะพานมิตรภาพน้ำเหือง อำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย ซึ่งเป็นด่านพรมแดนระหว่างไทย - สปป.ลาว ที่สามารถเชื่อมต่อกับทางหลวงหมายเลข 4 ของสปป.ลาว ในแขวงไชยบุรี โดยสามารถเดินทางต่อไปยังเมืองแก่นท้าว และเมืองหลวงพระบาง ซึ่งเป็นประตูการค้าและการท่องเที่ยว ทั้งใน สปป.ลาว ที่สามารถเชื่อมต่อไปยังเวียดนามและจีนได้ โดยเส้นทางรถไฟสายใหม่ จัตุรัส - ชัยภูมิ - หนองบัวลำภู - เลย มีระยะทาง 333 กิโลเมตร พาดผ่านพื้นที่ 4 จังหวัด เริ่มต้นที่ สถานีจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ ผ่าน จังหวัดขอนแก่น จังหวัดหนองบัวลำภู และสถานีเมืองเลย จังหวัดเลย เป็นสถานีปลายทาง นอกจากนี้ในเวทีสัมนาได้มีข้อเสนอให้มีการเชื่อมเส้นทางรถไฟสายใหม่จากจังหวัดอุดรธานีถึงจังหวัดหนองบัวลำภู เนื่องจากเป็นระยะทางที่สั้นประมาณ 100 กิโลเมตร ส่งผลให้มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการพัฒนาขึ้น นอกจากนี้จังหวัดหนองบัวลำภูมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวสูง สามารถดำเนินการเป็นพื้นที่การท่องเที่ยวเชื่อมต่อจากจังหวัดอุดรธานี และเป็นประโยชน์ต่อในภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมของจังหวัดได้ ส่งผลให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาจังหวัดต่อไป

ทางด้านนายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม (หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านการขนส่ง) กล่าวว่า กระทรวงคมนาคม โดยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีความมุ่งมั่น เร่งรัดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง อย่างเป็นรูปธรรม โดยจังหวัดหนองบัวลำภูเป็นจังหวัดที่มีศักภาพการท่องเที่ยวสูง แต่มีการเชื่อมต่อกับพื้นที่เมืองหลักน้อย ส่งผลให้มีผลิตภัณฑ์มวลรวมของจังหวัด (Gross Provincial Product: GPP) ต่ำเมื่อเทียบกับจังหวัดข้างเคียงอย่างจังหวัดอุดรธานีที่ GPP ในระดับสูง ดังนั้นจึงมีแนวคิดให้พื้นที่จังหวัดข้างเคียงให้มีศักยภาพในด้าน GPP เฉลี่ยใกล้เคียงกัน จากการพัฒนาการเชื่อมต่อด้านการคมนาคมและการท่องเที่ยว และเนื่องจากจังหวัดหนองบัวลำภูอยู่ในระยะการเข้าถึงท่าอากาศยานของจังหวัดข้างเคียง 2 จังหวัดคือจังหวัดอุดรธานี และจังหวัดเลย ดังนั้นจึงต้องพิจารณาถึงการเชื่อมโยงด้านอื่น อย่างการพัฒนาถนนทางหลวงหมายเลข 210 ที่ได้ดำเนินการแล้ว กำลังพิจารณาถึงการพัฒนาระบบรางที่เชื่อมต่อถึงจังหวัดหนองบัวลำภูเพิ่มเติม รวมถึงจากแผนการพัฒนาพื้นที่พืชสวนโลกในอีก 7 ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2569 - 2570) และศักยภาพของนิคมอุสาหกรรมจังหวัดอุดรธานี จังหวัดหนองบัวลำภูสามารถดำเนินการพัฒนาและเติบโตควบคู่กันไปได้


นางศิวพร ฉั่วสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู กล่าวว่า จังหวัดหนองบัวลำภู เป็นจังหวัดขนาดเล็กมีประชากรประมาณ 509,000 คน เนื้อที่ประมาณ 3,800 ตารางกิโลเมตรหรือประมาณ 2.4 ล้านไร่ อาชีพหลักของชาวจังหวัดหนองบัวลำภู เป็นอาชีพเกษตรกรรม นอกจากนี้เป็นจังหวัดที่มีจุดเด่นด้านภูมิปัญญา วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม และธรรมมะ และจากภูมิประเทศที่เป็นทั้งโอกาศและข้อจำกัดที่โดนล้อมด้วยจังหวัดใหญ่ อย่างจังหวัดอุดรธานี เลย และขอนแก่น ส่งผลให้มีการเชื่อมโยงกับจังหวัดใหญ่ที่มีศักยภาพการท่องเที่ยวมากเป็นระดับประเทศ ดังนั้นจังหวัดหนองบัวลำภูต้องดึงโอกาศดังกล่าวมีเป็นเป้าหมายในการพัฒนา โดยเน้นให้เป็น “เมืองน่าอยู่ และเมืองน่าเที่ยว” จากการเป็นเมืองสะอาด เมืองที่สะดวกต่อการเข้าถึง และเป็นเมืองที่สงบปลอดภัย นอกจากนี้ด้านการท่องเที่ยว พยายามเชื่อมโยงด้านการท่องเที่ยวจากด้านธรรมมะ ด้านธรรมชาติ ด้านวัฒนธรรม นอกจากนี้ในปี 2569 - 2570 จังหวัดอุดรธานี จะมีพืชสวนโลกทางจังหวัดหนองบัวลำภูจึงมีการพัฒนาต่อยอดต้นทุนจากด้านการเกษตรกรรมควบคู่กัน รวมถึงเรื่องเส้นทางคมนาคมการพัฒนาการเชื่อมโยงเส้นทางการขนส่งจังหวัดหนองบัวลำภูมีแค่การขนส่งทางถนนจากทางหลวงหมายเลข 210 เป็นเส้นทางหลักถึงจังหวัดอุดรธานี ส่งผลให้มีการเสนอแผนให้เชื่อมโยงเส้นทางรถไฟจากจังหวัดอุดรธานีถึงจังหวัดหนองบัวลำภู เพื่อเป็นโอกาสการเชื่อมโยงการคมนาคมของจังหวัดหนองบัวลำภูต่อไป