In News
นายกฯลงพื้นที่สิงห์บุรีดูแก้ปัญหาอุทกภัย ย้ำสร้างความเข้าใจปชช.สาเหตุน้ำท่วม
กรุงเทพฯ-นายกฯ ลงพื้นที่ตรวจติดตามการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม จ.สิงห์บุรี เน้นย้ำสร้างความเข้าใจกับประชาชนถึงสาเหตุน้ำท่วม-ระบบการระบายน้ำ ยืนยันรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ พร้อมช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ (24 ตุลาคม 2565) เวลา 09.00 น. ณ ห้องรับรองสนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสิงห์บุรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือประชาชนจากสถานการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่ในจังหวัดสิงห์บุรี โดยมี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายสุพจน์ ยศสิงห์คำ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี หัวหน้าส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมด้วย
สำหรับสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดสิงห์บุรี ส่วนใหญ่เป็นปัญหาอุทกภัยที่เกิดในพื้นที่ราบลุ่ม สภาพน้ำท่วมเกิดจากปริมาณน้ำจำนวนมากที่ไหลมาจากตอนบน ไหลล้นตลิ่งสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำน้อย เข้าท่วมพื้นที่อยู่อาศัยและพื้นที่การเกษตร ส่งผลให้น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภออินทร์บุรี อำเภอเมืองสิงห์บุรี อำเภอท่าช้าง อำเภอพรหมบุรี อำเภอบางระจัน และอำเภอค่ายบางระจัน ในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรีได้รับผลกระทบ จำนวน 6 อำเภอ 25 ตำบล 13 ชุมชน 167 หมู่บ้าน 20,419 หลังคาเรือน 58,811 คน ผู้เสียชีวิต 6 ราย ได้มีการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ อาทิ จัดสถานที่พักพิง การแจกจ่ายอาหารและน้ำดื่ม แจกถุงยังชีพ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ สนับสนุนจัดเรือท้องแบน จำนวน 40 ลำ ทหารเรือและทหารบก อปพร. เข้ามาช่วยเหลือในพื้นที่ ส่วนการดำเนินการฟื้นฟูหลังน้ำลด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการสูบน้ำออก ทำความสะอาดบ้านเรือนและที่อยู่อาศัย เพื่อคืนพื้นที่ให้ประชาชนกลับสู่คืนสู่สภาวะปกติ สำรวจความเสียหายของบ้านเรือน ที่อยู่อาศัย วัด โรงเรียน สิ่งสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ และความเสียหายภาคการเกษตร เพื่อให้ได้เงินชดเชยเยียวยาตามระเบียบฯ อีกทั้งจิตอาสาจัดทำสารบำบัดน้ำเสียและขจัดกลิ่นเหม็น (EM และ EM ball) เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสียในพื้นที่
นายกรัฐมนตรีกล่าวภายหลังการรับฟังบรรยายสรุป ว่า ได้ติดตามสถานการณ์มาโดยตลอด ซึ่งได้กำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งแก้ปัญหาการระบายน้ำ นายกรัฐมนตรีย้ำว่ารัฐบาลได้ดูแลจัดสรรงบประมาณ/แผนงาน โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี ปี 65 มีจำนวนโครงการทั้งสิ้น 16 โครงการ วงเงิน 504 ล้านบาท ประชาชนได้รับประโยชน์ 3,476 ครัวเรือน และพื้นที่ได้รับการป้องกัน 6,569 ไร่ ตัวอย่างโครงการ ได้แก่ 1. แก้มลิงลำบางชัน ต.บ้านแป้ง อ.พรหมบุรี (สำนักชลประทาน) 2. อาคารป้องกันตลิ่งแม่น้ำน้อย ต.ไม้ดัด อ.บางระจัน (สำนักชลประทาน) 3. ก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนเมืองสิงห์บุรี ระยะที่ 2 (กรมโยธาธิการและผังเมือง) 4. งานวางท่อขยายเขตจำหน่ายน้ำ ต.ม่วงหมู่ อ.เมืองสิงห์บุรี (การประปาส่วนภูมิภาค) โดยได้กำหนดแผนงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องเร่งสำรวจดูแลความเดือดร้อน เพื่อลดและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้เหลือน้อยที่สุด รวมทั้งเร่งระบายน้ำให้เร็วขึ้น เพื่อลดความเสียหายให้กับประชาชน และมีระบบการแจ้งเตือนให้ประชาชนเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในส่วนของบริเวณจุดที่มีความเสียหายที่เกิดน้ำท่วมซ้ำซาก หรือน้ำท่วมทุ่ง จะต้องแก้ไขปัญหาระบายน้ำทันที ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจสาเหตุน้ำท่วม ระบบการระบายน้ำ และการปรับสภาพความเป็นอยู่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ปล่อยน้ำให้ท่วมทุ่ง ซึ่งบางพื้นที่ได้รับการแก้ไขปัญหาแล้ว แต่บางพื้นที่ยังทรงตัว อย่างไรก็ตามรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ อะไรที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชน รัฐบาลพร้อมจะช่วยเหลือแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ โดยได้เตรียมงบประมาณไว้ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนแล้ว
นายกรัฐมนตรียังขอให้ทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อม ทั้งแผนหลัก แผนสำรอง เพื่อรองรับและแก้ปัญหาในอนาคตด้วย โดยบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาการระบายน้ำให้สมบูรณ์ และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ เพราะขณะนี้น้ำจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ จึงขอให้ระมัดระวังสถานการณ์น้ำที่ต้องพบกับภาวะโลกร้อน และต้องเตรียมวางแผนจัดการเรื่องสิ่งแวดล้อม เพื่อไม่ให้โลกร้อนอีกด้วย
หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ลงเรือท้องแบนเพื่อพบปะให้กำลังใจประชาชนและเยี่ยมบ้านเรือนที่ประสบอุทกภัย ณ หมู่ที่ 3 ต.บางกระบือ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี โดยระหว่างนั่งเรือ นายกรัฐมนตรีได้โยน EM ball เพื่อช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศ ช่วยย่อยตะกอนให้กลายเป็นอาหารของสัตว์เล็ก ๆ และช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ชนิดดีในน้ำ ทำให้เกิดการย่อยสลายที่มากขึ้น และเพิ่มปริมาณออกซิเจนในน้ำ ทำให้สภาพของน้ำสมดุล โดยบ้านเรือนประชาชนบริเวณนี้ได้รับผลกระทบประมาณ 289 ครัวเรือน ซึ่งสถานการณ์น้ำโดยรวมขณะนี้เริ่มมีแนวโน้มลดลง สอดคล้องกับการระบายของเขื่อนเจ้าพระยาและระดับน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยาที่เริ่มลดลงเช่นกัน ทำให้ จ.สิงห์บุรี ได้วางแผนที่จะเร่งสูบน้ำเพื่อระบายน้ำออกจากพื้นที่บ้านเรือนประชาชนไปยังแม่น้ำเจ้าพระยาให้สัมพันธ์กับสถานการณ์น้ำของแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ และให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้กดปุ่มเปิดเครื่องสูบน้ำเพื่อเป็นสัญญาณในการเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่บ้านเรือนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว ก่อนที่วันพรุ่งนี้ทางจังหวัดจะเร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำให้ครอบคลุมทุกพื้นที่มากขึ้น เพื่อระบายน้ำออกจากพื้นที่บ้านเรือนประชาชนทุกหมู่บ้านโดยเร็วต่อไป ทั้งนี้ หากไม่มีการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยามาเพิ่ม และไม่มีฝนตกลงมาอีก คาดการณ์ว่าจะสามารถสูบน้ำออกจากพื้นที่ทุกหมู่บ้านได้ภายในประมาณสัปดาห์หน้า รวมทั้งจังหวัดได้มีการเตรียมซ่อมแซมฟื้นฟูบ้านเรือนประชาชน ตลอดจนการเร่งสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นเพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบตามหลักเกณฑ์และกฎระเบียบที่กำหนดไว้ต่อไป
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวกับประชาชนถึงการเดินทางมาครั้งนี้ เพื่อมาเยี่ยมเยียนให้กำลังใจประชาชนผู้ประสบอุทกภัยทุกคน โดยนายกรัฐมนตรีได้สอบถามถึงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ด้วยความห่วงใย รวมทั้งกำชับสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่บ้านเรือนประชาชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนโดยเร็ว ให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติและดูแลช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ พร้อมกับย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนดูแลตนเองให้ปลอดภัยในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ดูแลประชาชนด้วย ขณะที่ประชาชนในพื้นที่ ต่างก็ให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีในการทำงานเพื่อประชาชน โดยบอกว่า “รักลุงตู่ ลุงตู่สู้ ๆ” และขอบคุณที่นายกรัฐมนตรีที่เดินทางมาเยี่ยมเยียนให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่