In News

นายกฯถกปธน.เกาหลีใต้บนสัมพันธ์65ปี ฝากดูแลแรงงานไทยในเกาหลี



กรุงเทพฯ-นายกฯ หารือประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ยืนยันความร่วมมือพร้อมก้าวย่างสู่การครบรอบ 65 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตขับเคลื่อนความสัมพันธ์สู่ความมั่นคง และยั่งยืน ทั้งแบบทวิภาคี และพหุภาคี

วันนี้ (11 พฤศจิกายน 2565) เวลา 17.15 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา (เวลาเท่ากับประเทศไทย) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หารือกับ นายยุน ซ็อก ย็อล ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 40 และ 41 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำความรู้จักกันอย่างเป็นทางการครั้งแรกภายหลังจากที่ประธานาธิบดียุนฯ เข้ารับตำแหน่ง และยืนยันความพร้อมที่จะส่งเสริมความร่วมมือกับรัฐบาลเกาหลีใต้ นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรียินดีที่ได้พบกับประธานาธิบดีเกาหลีใต้เป็นครั้งแรก ยินดีกับการครบรอบ 10 ปี ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างกันในปีนี้ รวมถึงการก้าวย่างเข้าสู่การครบรอบ 65 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต รัฐบาลไทยพร้อมที่จะร่วมมือกับรัฐบาลเกาหลีใต้ขับเคลื่อนความสัมพันธ์สู่ความมั่นคง และยั่งยืน โดยนายกรัฐมนตรียังได้กล่าวเชิญประธานาธิบดีเยือนไทยอย่างเป็นทางการในโอกาสแรกที่ฝ่ายสะดวก ซึ่งในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้แสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ที่ย่านอิแทวอน 

ประธานาธิบดีฯ กล่าวยินดีที่ได้พบหารือกันในวันนี้ ถือเป็นจังหวะและโอกาสที่ดีและความหมายในการครบรอบ 10 ปี ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ และการครบรอบ 64 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ประธานาธิบดีรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้เดินทางไปเข้าร่วมการประชุมเอเปคด้วยตนเอง หวังว่าภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี การเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคของไทยจะประสบผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจ และสำเร็จลุล่วงได้ด้วยดี โอกาสนี้ยังได้กล่าวขอบคุณพระกรุณาธิคุณสำหรับข้อความพระราชสาส์นแสดงความเสียพระราชหฤทัย สารแสดงความเสียใจของนายกรัฐมนตรี รวมถึงจากภาคส่วนต่าง ๆ ของไทย กรณีย่านอิแทวอน เกาหลีใต้จะให้การดูแลและช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างเต็มที่ 

ในโอกาสนี้ ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ยืนยันว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับไทยและอาเซียน พร้อมเดินหน้าและรักษาความสัมพันธ์ในฐานะพันธมิตรที่เก่าแก่ระหว่างกัน โดยเฉพาะความสัมพันธ์ในระดับประชาชนกับประชาชนที่เป็นจุดเชื่อมสำคัญจากการชื่นชอบในวัฒนธรรมของกันและกัน

ผู้นำทั้งสองฝ่ายยังได้หารือประเด็นความร่วมมือที่สนใจร่วมกัน ดังนี้

ผู้นำทั้งสองหวังที่จะได้แลกเปลี่ยนการเยือนในทุก ๆระดับระหว่างกัน ไทยและเกาหลีใต้พร้อมส่งเสริมและเพิ่มพูนความสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างเป็นรูปธรรม โดยทั้งสองยินดีที่ทั้งสองประเทศต่างผ่อนคลายมาตรการเดินทางจากสถานการณ์โควิด-19 หวังให้ไทยและเกาหลีใต้จะรื้อฟื้นการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงให้กลับมามีพลวัตอีกครั้ง นอกจากนี้ ไทยและเกาหลีใต้ยินดีที่ความสัมพันธ์ในระดับประชาชนมีความใกล้ชิด โดยนายกรัฐมนตรีได้ขอให้ช่วยให้ดูแลคนไทยที่ไปทำงานและเดินทางไปท่องเที่ยวในเกาหลีใต้ ด้านรัฐบาลไทยพร้อมดูแลคนเกาหลีใต้ที่อาศัยในไทย และนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่ไทยเช่นกัน

ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องเร่งเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพื่อรับมือกับผลกระทบจากโควิด-19 และสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลก โดยไทยเร่งผลักดันกลยุทธ์ “3 แกนสร้างอนาคต” ในการพัฒนาประเทศ เน้นการขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐาน อุตสาหกรรมและอุตสาหกรรมด้านยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และภาคการธนาคาร ซึ่งสอดคล้องกับความสนใจ ศักยภาพและจุดแข็งของเกาหลีใต้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เชิญเกาหลีใต้เข้ามาลงทุนมากขึ้นในพื้นที่ EEC โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และอุตสาหกรรมที่เกาหลีใต้มีความเชี่ยวชาญ ด้านภาคเอกชนเกาหลีใต้หลายบริษัทก็มีความสนใจและหวังที่จะลงทุนใน EEC จึงได้ขอให้ไทยช่วยดูแลภาคเอกชนด้วย 

ประเด็นความร่วมมือในอนุภูมิภาค และภูมิภาค ไทยยินดีที่ประธานาธิบดีให้ความสำคัญกับอาเซียน รวมทั้งการสนับสนุนความเป็นแกนกลางของเซียน และสถาปัตยกรรมภูมิภาคที่มีอาเซียนเป็นศูนย์กลาง โดยเกาหลีใต้ยืนยันพร้อมสนับสนุนความเป็นแกนกลางของเซียน และพร้อมเสริมสร้างความร่วมมือกับอาเซียนให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณเกาหลีใต้ที่ให้การสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทยมาตลอดทั้งปี หวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากเกาหลีใต้ต่อไป และไทยพร้อมร่วมมือกับเกาหลีใต้ในกรอบเอเปค และยินดีอย่างยิ่งที่ไทยกับเกาหลีใต้ได้จัดทำแผนปฏิบัติการร่วมเพื่อเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างกันในระยะ 5 ปี (ปี 2565 – 2570) เพื่อสอดประสานยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศของทั้งสองฝ่ายต่อไป