In News

แบกโล่งร่อนวัดไม่รับเผาศพคนติดโควิด หลวงพี่น้ำฝนตัดใจรับไว้เผาวัดไผ่ล้อม



นครปฐม-ญาตินำศพชายติดเชื้อโควิด-19 จากสมุทรสาคร เผาวัดไผ่ล้อม นครปฐม หลังถูกวัดบางแห่งทำทีไม่รับจัดการให้ หลวงพี่น้ำฝนบอกวัดทำความเข้าใจไม่มีอะไรน่าวิตก น้องผู้ตายบอกเสียใจพี่ชายตาย วัดไม่รับเผา แถมเพื่อนบ้านทำท่าทีรังเกลียด ทั้งที่ตรวจไม่พบเชื้อ ส่วนสาธารณสุขนครปฐม ขอให้วัดเชื่อมั่นศพถูกจัดการแน่นหนาแล้ว ขณะญาติงง ผู้ตายติดเชื้อจากที่ใด โดยลูกสาวดูแลใกล้ชิดไม่ติดเชื้อ แต่หลานสาว 3 ขวบติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ ตอนนี้ยังมึนผู้ตายติดเชื้อได้ตอนไหน 

วันนี้ 26 มกราคม 63 ที่ศาลาธรรมสังเวช เมรุ วัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม ญาติของนายประธาน เสนคะ อายุ 56 ปี ผู้ป่วยที่เสียชีวิตได้นำศพมาทำการฌาปนกิจ อย่างเรียบง่ายและมีเพียงคนในครอบครัวไม่กี่คนมาร่วมในพิธี ซึ่งผู้เสียชีวิตถูกนำตัวมาจากโรงพยาบาลกระทุ่มแบน จังหวัดนครปฐม โดยระบุการเสียชีวิตว่า ปอดอักเสบติดเชื้อโควิด19 

ซึ่งในพิธีดังกล่าว พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้นำคณะสงฆ์ ร่วมกับนายแพทย์วิโรจน์ รัตนอมรสกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครปฐมและคณะ เข้าร่วมสังเกตการณ์ในการจัดพิธีด้วยการสวมหน้ากากป้องกัน และนำโลงศพบรรจุเข้าเตาเผาทันที ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ประจำเมรุของวัดไผ่ล้อม มีความเข้าใจในกระบวนการเนื่องจากเคยมีประสบการณ์ในการจัดการเรื่องดังกล่าวมาแล้ว 

นางกาญจนา เสนคะ อายุ 52 ปี ชาวอำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร บอกว่า ผู้เสียชีวิต เป็นพี่ชายของตัวเองโดยได้เสียชีวิตเมื่อเวลา 23.00 น. ของคืนวันที่ 25 มกราคม ที่ผ่านมา และได้ติดสินในประสานมายังวัดไผ่ล้อม เนื่องจากได้ติดต่อวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาครแต่ได้บอกกลับมาถึงขั้นตอนที่ยุ่งยากจนแทบจะจัดงานไม่ได้จึงได้ตัดสินใจมาอาศัยใบบุญที่วัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม 

นางกาญจนา บอกว่า นายประธาน ซึ่งทำงานเป็น รปภ.แห่งหนึ่งย่านอำเภอกระทุ่มแบน ได้ล้มป่วยเนื่องจากมีอาการเส้นเลือดในสมองแตก และทางญาติได้นำส่งโรงพยาบาลกระทุ่มแบน ในวันที่ 17ธันวาคม 63 โดยมีอาการโคม่า ทางแพทย์จึงได้ส่งตัวไปทำการผ่าตัดสมองที่ รพ.สมุทรสาคร ในวันเดียวกัน จากนั้นได้นอนพักรักษาตัวจนแพทย์ได้ให้กลับมาพักที่บ้านได้ โดยมีลูกสาวและหลานสาว วัย 3 ขวบ เป็นผู้อยู่ดูแลตั้งแต่วันแรก 

กระทั่งวันที่ 22 ธันวาคม 63 นายประธาน ได้เกิดอาการป่วยหนักทางญาติจึงได้รีบนำกลับไปส่งโรงพยาบาลกระทุ่มแบนอีกครั้ง ซึ่งได้มีการตรวจพบว่ามีการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากนั้นได้ทำการตรวจเชื้อจากลูกสาวและหลาน ปรากฏว่าลูกสาวไม่พบการติดเชื้อ ส่วนหลานสาววัย 3 ขวบมีการพบการติดเชื้อ แต่ไม่ปรากฏอาการ โดยถูกกักตัวเพื่อรอดูอาการที่โรงพยาบาลกระทุ่มแบนและญาติพี่น้องรวมท้ังหมด 6 คนได้ทำการตรวจเชื้อก็ยังไม่พบเชื้อ ก่อนที่ นายประธาน จะมาเสียชีวิตเมื่อคืน โดยตอนนี้ยังไม่ทราบว่าติดเชื้อมาได้อย่างไร 

นางกาญจนา บอกอีกว่า หลังจากนายประธาน พี่ชายเสียชีวิต ช่วงเช้าวันนี้ก็ได้มีการติดต่อไปยังวัดแห่งหนึ่งในเขตอำเภอกระทุ่มแบน ก็ได้รับคำตอบว่าเป็นเรื่องใหญ่ขอให้มีการแจ้งหลายหน่วยงานและต้องทำเรื่องมากมาย ซึ่งเหมือนเป็นการปฏิเสธกลายๆ จึงได้ตัดสินใจนำศพพี่ชายมาเผาที่วัดไผ่ล้อมวันนี้ 

" เราก็รู้สึกน้อยใจว่าทำไมพี่ชายเราตายแล้วก็เสียใจอยู่แล้ว พอมาเจอวัดที่เหมือนจะปฎิเสธไม่เผาศพให้ก็ยิ่งรู้สึกเครียดไปอีก ถ้าเป็นแบบนี้จะเอาศพไว้บ้านก็ยิ่งไปกันใหญ่ ซึ่งก็สงสัยว่าทำไมวัดยังรังเกลียดเรา ตอนนี้ก็หนักเพราะแถวบ้านคนก็มาสอดส่องมองแปลกๆว่าเรามีญาติตายเพราะโควิด บางคนก็ทำท่าหวาดกลัว ลูกชายก็ได้โพสต์เฟซบุ๊ค ไปว่า ใครที่กลัวก็ไม่ต้องมาที่บ้าน ประกาศให้คนได้รู้ แต่สุดท้ายวันนี้ทางวัดไผ่ล้อม หลวงพี่น้ำฝนรับเผาเราก็คลายความทุกข์ไปได้ วันนี้ก็ขอฝากกระดูกพี่ชายไว้ก่อน เพราะต้องกลับไปดูหลานที่ติดเชื้อก่อน ว่าจะหายเมื่อไหร่ ถ้าหายแล้วค่อยมาขอรับกระดูกกลับไป" นางกาญจนา กล่าวปิดท้าย 

 

ด้าน นายแพทย์วิโรจน์ รัตนอมรสกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครปฐม เผยว่า สำหรับเรื่องดังกล่าว ทางญาติผู้เสียชีวิตก็มีความไม่สบายใจกับการหาที่ประกอบพิธีทางศาสนา ซึ่งพบว่ามีปัญหา แต่ก็ได้รับความเมตตาจากหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ที่รับจัดพิธีให้ก็มีความสบายใจกลับไป ส่วนกระบวนการเผาศพที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้นมีกระบวนการจัดเตรียมออกมาจากโรงพยาบาลที่แน่นหนาอยู่แล้ว ซึ่งไวรัสโควิด ไม่ได้ติดกันง่ายจนเกินไป และตายได้ในความร้อนที่เพียงพอ ขอให้วัดต่างๆ หรือประชาชนได้ทำความเข้าใจกับเรื่องนี้ว่าทางหน่วยงานต่างๆมีมาตรการที่รัดกุมอยู่แล้ว

หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เผยว่า สำหรับการรับเผาศพผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด ทางวัดไผ่ล้อมมีประสบการณ์ ในการเผาศพอยู่แล้วและอยากให้ทุกวัดเข้าใจเรื่องนี้อย่าได้ตื่นกลัวจนเกินไป ส่วนเมรุและเตาเผาของวัดก็ได้มีการดูแลคุณภาพอยู่ตลอดเวลาก็มั่นใจได้ ซึ่งการรับเผาศพให้กับผู้ตายก็เป็นงานของพระของวัดที่ต้องจัดการดูแล เป็นกิจที่ต้องทำให้ชาวบ้าน วัดไผ่ล้อมพร้อมจัดการให้ขอให้มีหลักฐานมาให้ครบ ทั้งบัตรประจำตัวผู้ตาย สำเนา และใบมรณะบัตร ก็พร้อมจัดการให้ หากใครที่ไม่มีเงินก็สามารถขอเข้าโครงการสวดเผาฟรี ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายด้วย