In News

เตือนเมาไม่ขับปี65คุมประพฤติ7.8พันคดี 'สมศักดิ์'ชี้ปี66กรมคุมประพฤติเร่งรณรงค์



กรุงเทพฯ-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เตือน เมาไม่ขับ ชี้ ปีที่ผ่านมา ถูกคุมประพฤติถึง 7,868 คดี เผย กรมคุมประพฤติทั่วประเทศ เร่งรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนน สร้างความรู้โทษของแอลกอฮอล์ พร้อมพาผู้ถูกคุมประพฤติ บริการสังคม ตัดต้นไม้จุดเสี่ยงเกิดเหตุ

วันที่ 26 ธันวาคม 2565 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกิจกรรมลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ว่า กรมคุมประพฤติ ที่มีภารกิจหลักในการคุมประพฤติ ผู้ที่มีคดีเข้าสู่กระบวนการคุมประพฤติ ในฐานความผิดขับรถขณะเมาสุรา ซึ่งในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 มีถึง 7,868 คดี โดยการดื่มแล้วขับ ก็ยังเป็นสาเหตุหลักในการเกิดอุบัติเหตุ นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ จึงได้สั่งการให้สำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศ จัดกิจกรรมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย โดยเฉพาะการไม่ขับรถขณะเมาสุรา เพราะนอกจากจะถูกคุมประพฤติแล้ว ยังสร้างความเดือดร้อนให้กับสังคมด้วย 

“ในช่วง 7 วันอันตราย ของปีใหม่ 2565 ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ ได้มีการสรุปอุบัติเหตุทางถนน พบว่า มีถึง 2,707 ครั้ง ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 2,672 คน และเสียชีวิต 333 ราย ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่ มาจากขับรถเร็ว 35.12% และ ดื่มแล้วขับ 29.51% โดยจะเห็นได้ว่า การเมาแล้วขับ ยังเป็นปัญหาหลัก ในการเกิดอุบัติเหตุ และสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนด้วย เพราะการดื่มแล้วขับ อาจจะเป็นต้นเหตุ ให้คนในครอบครัว หรือ ผู้อื่นเสียชีวิต จากความประมาทดื่มสุราแล้วขับรถก็ได้ ” รมว.ยุติธรรม กล่าว 

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า จากข้อมูลของปีที่ผ่านมา กรมคุมประพฤติ จึงได้เน้นย้ำในการรณรงค์ไม่ขับรถขณะเมาสุรา โดยนอกจาก จะเดินประชาสัมพันธ์ในชุมชนแล้ว ยังมีการนำประชาชน เข้ารับการอบรมความรู้โทษภัยของแอลกอฮอล์ด้วย รวมถึงยังช่วยลดปัจจัยเสี่ยงด้านถนนและสภาพแวดล้อมในการเกิดอุบัติเหตุ ด้วยการนำผู้ถูกคุมความประพฤติ ทำงานบริการสังคม ปรับภูมิทัศน์ ตัดแต่งต้นไม้ บริเวณทางแยกและจุดเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งจะช่วยลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุ และปรับเปลี่ยนทัศนคติค่านิยม และสร้างจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคม โดยจะเป็นรากฐานในการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนอย่างยั่งยืนในสังคมไทย