In News
นายกฯปลื้มกรุงเทพฯติดอันดับ3เอเชีย ปลายทางยอดนิยมมะกันปี66ตั้งเป้า20ล.คน
กรุงเทพฯ-โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ปลื้ม กรุงเทพฯ ติดอันดับ 3 ปลายทางยอดนิยมในเอเชียของชาวอเมริกัน พร้อมเดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยวปี 2566 ตั้งเป้ารับนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ต่ำกว่า 20 ล้านคน
วันนี้ (2 มกราคม 2566) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่ประเทศไทยยังคงได้รับความสนใจ และเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง โดย Hopper เว็บไซต์และแอปพลิเคชันเพื่อวางแผนการท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวอเมริกันได้เปิดเผยผลการค้นหาเที่ยวบินปี 2566 ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนธันวาคม 2565 โดยชาวอเมริกันมีความต้องการเดินทางมาเยือนกรุงเทพมหานคร มากเป็นอันดับ 3 ของเอเชีย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า เว็บไซต์ Hopper คาดการณ์นักท่องเที่ยวชาวอเมริกันมีแนวโน้มเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศอย่างคึกคัก ในปี 2566 โดยเฉพาะประเทศในทวีปเอเชีย ซึ่งชาวอเมริกันมีการค้นหาเที่ยวบินระหว่างประเทศสูงถึงร้อยละ 27 เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาซึ่งมีเพียงร้อยละ 19 โดยกรุงเทพฯ เมืองหลวงของไทย ติดอันดับ 3 ปลายทางของการค้นหาเที่ยวบินระหว่างประเทศทั้งหมดในเอเชีย รองจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และนครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม
สำหรับการท่องเที่ยวในปี 2566 หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยได้บูรณาการการดำเนินงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง และดำเนินความร่วมมือกับนานาประเทศเพื่อส่งเสริมและผลักดันให้มีการแลกเปลี่ยนการท่องเที่ยวระหว่างกันมากขึ้น โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลีใต้ (KTO) ได้ประกาศความร่วมมือระดับทวิภาคีกำหนดให้ในปี 2566-2567 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวระหว่างเกาหลีใต้-ไทย เพื่อฟื้นฟูการแลกเปลี่ยนด้านการท่องเที่ยวระหว่างกันให้กลับคืนสู่สภาวะปกติ โดยคาดการณ์ว่า ความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวระหว่างกันไม่ต่ำกว่า 3 ล้านคน และหวังว่าการร่วมมือกันตลอด 2 ปีข้างหน้าจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ในปี 2566 รัฐบาลยังตั้งเป้าสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้กลับมาร้อยละ 80 ของช่วงก่อนโควิด-19 และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับคืนมาร้อยละ 50 สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวอยู่ที่ 2.38 ล้านล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ต่ำกว่า 20 ล้านคน ซึ่งยังไม่รวมนักท่องเที่ยวจีนและคนไทยเดินทางเที่ยวในประเทศ 180 ล้านคน-ครั้ง
“นายกรัฐมนตรียินดีเป็นอย่างยิ่งที่หลายเมืองของไทยติดอันดับจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความนิยม และสนใจมาท่องเที่ยว พร้อมทั้งขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ร่วมกันทำงานตามแนวนโยบายที่ทางรัฐบาลได้วางไว้ เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยคึกคัก ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งนี้ ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อดูแลและอำนวยความสะดวกแต่เป็นไปตามมาตรการสำคัญ รองรับปริมาณนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามามากขึ้น พร้อมขอให้ชาวไทยเป็นเจ้าบ้านที่ดี มีมิตรไมตรี เพื่อสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยว” นายอนุชาฯ กล่าว