In News
นายกฯขอบคุณทุกภาคส่วนทำงานวันหยุด ชี้อุบัติเหตุ3วันเกิด466ครั้งเจ็บ467ดับ59
กรุงเทพฯ-โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนเสียสละทำงานช่วงวันหยุด กำชับอำนวยความสะดวก-ความปลอดภัย ฝากความห่วงใย ขอประชาชนเดินทางกลับจากต่างจังหวัด ภายหลังหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ 2566 เคร่งครัดปฏิบัติตามกฎจราจร สถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำ31 ธ.ค. 65 วันที่สามของการรณรงค์ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” เกิดอุบัติเหตุ 466 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 467 คน ผู้เสียชีวิต 59 ราย สาเหตุสูงสุด ขับรถเร็ว ดื่มแล้วขับ ส่วนรถจักรยานยนต์ แชมป์เกิดอุบัติเหตุ
วันที่ 2 ม.ค. 66 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามรายงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2566 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่าย (ณ 1 ม.ค. 66) ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 31 ธ.ค. 65 ซึ่งเป็นวันที่สามของการรณรงค์ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” เกิดอุบัติเหตุ 466 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 467 คน ผู้เสียชีวิต 59 ราย สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 36.70 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 30.04 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 82.56 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 80.90 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 41.2 ถนนใน อบต./หมู่บ้านร้อยละ 34.55 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 18.01 – 19.00 น. ร้อยละ 7.74 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุด อยู่ในช่วงอายุ 20 - 29 ปี ร้อยละ 19.39 โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี (19 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี (20 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ เชียงราย (7 ราย) สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 3 วันของการรณรงค์ (29 – 31 ธ.ค. 65) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,183 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ รวม 1,182 คน ผู้เสียชีวิต รวม 146 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 18 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุดได้แก่ สุราษฎร์ธานี (42 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ สกลนคร (46 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย (10 ราย) จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 18 จังหวัด
นายอนุชาฯ กล่าวว่า ประชาชนได้เริ่มทยอยเดินทางกลับเข้าสู่กรุงเทพมหานคร และจังหวัดเขตเศรษฐกิจต่าง ๆ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (1 ม.ค. 66) ทำให้มีปริมาณรถหนาแน่นในเส้นทางหลัก และเส้นทางสายรองที่เชื่อมต่อระหว่างจังหวัด ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รองรับประชาชนเดินทางกลับจากภูมิลำเนา พร้อมเน้นย้ำให้จังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ดำเนินมาตรการดูแลความปลอดภัยในการเดินทางกลับจากเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมาย ให้คุมเข้มโดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุและมีผู้สูญเสียสูงสุด เข้มงวดกวดขันผู้ขับขี่ที่ไม่มีใบอนุญาตขับรถ ไม่สวมหมวกนิรภัย ขับรถเร็วบนเส้นทางสายหลักและสายรองในช่วงที่มีสถิติอุบัติเหตุสูง ดื่มแล้วขับ ขับรถเร็ว เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการขับรถเร็วและง่วงหลับใน รวมถึงตรวจสอบความปลอดภัยของรถจักรยานยนต์ และรถกระบะที่บรรทุกผู้โดยสารในลักษณะเสี่ยงอันตราย เพื่อสร้างการสัญจรที่ปลอดภัยให้กับประชาชน และย้ำให้ทุกภาคส่วน เข้ามามีส่วนร่วมลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลให้เหลือน้อยที่สุด
นายอนุชาฯ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังฝากถึงพี่น้องประชาชนผู้เดินทางให้ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัดในการใช้รถใช้ถนนร่วมกัน ภายใต้การรณรงค์ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” พร้อมกับฝากความห่วงใยขอให้เพิ่มความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนน ซึ่ง 1-2 วันนี้เป็นช่วงการทยอยเดินทางกลับจากภูมิลำเนาและท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่เข้ากรุงเทพฯ และจังหวัดพื้นที่เศรษฐกิจ โดยขอให้เพิ่มความระมัดระวังเพราะการเดินทางในระยะทางที่ไกลและใช้เวลาเดินทางที่ยาวนาน อาจอ่อนเพลียเหนื่อยล้า ซึ่งอาจทำให้เกิดการหลับในได้ ควรมีการจอดพักรถในจุดแวะพักเป็นระยะ ไม่ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด รวมทั้งงดดื่มแอลกอฮอล์ขณะขับรถ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน และเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ในช่วงเวลาที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะช่วงเวลาเย็นที่มีการจราจรหนาแน่น
“นายกรัฐมนตรียินดีที่ประชาชนได้ใช้เวลาช่วงวันหยุดยาว เดินทางกลับภูมิลำเนา ท่องเที่ยวพักผ่อน เฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ 2566 พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทั้งตำรวจ ทหาร และพลเรือน ที่ทำงานด้วยความเสียสละ อำนวยความสะดวก ช่วยกันดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนในการเดินทางสัญจรช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยขอให้ทุกหน่วยงานยังต้องช่วยกันจัดเจ้าหน้าที่ดูแลประชาชนจำนวนมาก ที่ทยอยการเดินทางกลับเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ และจังหวัดต่าง ๆ หลังสิ้นสุดช่วงวันหยุดยาว รวมถึงขอบคุณประชาชนที่ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ซึ่งช่วยในการลดอุบัติเหตุ ป้องกันความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของตนเองและผู้อื่น ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนไม่ลืมเคร่งครัดมาตรการป้องกันโควิด-19 สังเกตอาการตนเอง หลังเดินทางกลับมาแล้วควรตรวจ ATK เพื่อความปลอดภัยของตนเอง ครอบครัว และเพื่อนร่วมงานด้วย” นายอนุชาฯ กล่าว