In News

นายกฯหารือทูตอินเดียฯกระชับสัมพันธ์ ผลักดันการค้า-ท่องเที่ยวความเชื่อมโยง



กรุงเทพฯ-นายกฯ หารือเอกอัครราชทูตอินเดียฯ กระชับความสัมพันธ์ที่มีมายาวนาน พร้อมผลักดันมูลค่าทางการค้าและการลงทุน ส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว วัฒนธรรม และความเชื่อมโยง

วันนี้ (9 มกราคม 2565) เวลา 11.00 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายนาเคศ สิงห์ (H.E. Mr. Nagesh Singh) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรียินดีในโอกาสที่รับหน้าที่ในประเทศไทย โดยไทยและอินเดียมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด และความร่วมมือทุกมิติ หวังว่าเอกอัครราชทูตอินเดียฯ จะช่วยยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันในอนาคตให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และเสริมสร้างความร่วมมือในสาขาที่ทั้งสองฝ่ายมีศักยภาพ ทั้งนี้ ไทยพร้อมให้การสนับสนุนเอกอัครราชทูตอินเดียฯ ในการปฏิบัติหน้าที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือในประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายมีผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งการเมือง ความมั่นคง การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และความร่วมมือกรอบพหุภาคี พร้อมฝากความปรารถนาดีถึงประธานาธิบดีแห่งอินเดีย นายกรัฐมนตรีอินเดีย และประชาชนชาวอินเดียในโอกาสปีใหม่ด้วย 

เอกอัครราชทูตอินเดียฯ ยินดีที่ได้พบปะกับนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พร้อมนำคำทักทายและคำอวยพรจากนายกรัฐมนตรีอินเดียมายังรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีด้วย เชื่อมั่นว่าการเข้ารับหน้าที่ในไทยจะเป็นโอกาสกระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น ซึ่งประเทศไทยเป็นมิตรประเทศที่สำคัญของอินเดีย มีความใกล้ชิดระหว่างกันอย่างลึกซึ้งทั้งทางวัฒนธรรม ภาษา ประวัติศาสตร์ และศาสนา โดยนโยบายของไทยที่ดำเนินนโยบายมุ่งตะวันตก (Look West Policy) กับนโยบายรุกตะวันออก (Act East Policy) ของอินเดีย มีความสอดคล้อง เป็นประโยชน์กับไทยและอินเดีย จึงยินดีร่วมมือกับรัฐบาล เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือทุกมิติ

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายยังหารือถึงความร่วมมือด้านต่าง ๆ ดังนี้ 

ความร่วมมือด้านการเมือง ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องผลักดันการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันเพิ่มขึ้นในทุกระดับ ซึ่งนายกรัฐมนตรีหวังเป็นอย่างยิ่งว่านายกรัฐมนตรีอินเดียจะตอบรับการเยือนไทย โดยไทยพร้อมต้อนรับนายกรัฐมนตรีอินเดียเยือนไทย และเข้าร่วมการประชุมสุดยอด BIMSTEC ที่ไทยเป็นเจ้าภาพในช่วงเดือนสิงหาคมปีนี้ ด้านเอกอัครราชทูตอินเดียฯ พร้อมผลักดันการแลกเปลี่ยนการเยือนทุกระดับ รวมถึงยืนยันสนับสนุนการเป็นประธาน BIMSTEC ของไทย

ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว เอกอัครราชทูตอินเดียฯ ยินดีที่ชาวอินเดียมาท่องเที่ยวไทยเกือบ 1 ล้านคนในปี 2565 ซึ่งชาวอินเดียจำนวนมากนอกจากจะเดินทางมาท่องเที่ยวแล้ว ยังชื่นชอบเดินทางมาไทยเพื่อจัดงานแต่งงานอีกด้วย เอกอัครราชทูตอินเดียฯ จึงยินดีส่งเสริมการเดินทางไปมาหาสู่กันระหว่างประชาชนของไทยและอินเดียให้มากขึ้น ด้านนายกรัฐมนตรีหวังว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายให้นักท่องเที่ยวจากอินเดียมาไทยปีละ 2 ล้านคน เหมือนช่วงก่อนหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  

ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายต่างยินดีที่มูลค่าการค้าไทยและอินเดียเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปี 2564 โดยในเดือน ม.ค. – พ.ย. 2565 การค้าสองฝ่ายมีมูลค่ากว่า 16.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 21 ซึ่งเอกอัครราชทูตอินเดียฯ กล่าวว่าทั้งสองฝ่ายยังมีศักยภาพที่จะเพิ่มการค้าและการลงทุนในสาขาที่ทั้งสองฝ่ายเชี่ยวชาญและสนใจระหว่างกัน ด้านนายกรัฐมนตรีหวังว่านักธุรกิจอินเดียจะพิจารณาลงทุนใน EEC โดยเฉพาะในธุรกิจด้านยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ การบิน และโลจิสติกส์ เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ ดิจิทัล และการแพทย์ครบวงจร

ความร่วมมือด้านความเชื่อมโยง ต่างเห็นพ้องในการพัฒนาความเชื่อมโยงทั้งทางบก ทะเล และอากาศ ในกรอบความร่วมมือต่าง ๆ ในภูมิภาค โดยนายกรัฐมนตรีพร้อมสนับสนุนโครงการ และข้อริเริ่มที่จะช่วยให้การก่อสร้างทางบกระหว่างภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับภูมิภาคอื่น ๆ โดยเฉพาะเอเชียใต้ให้แล้วเสร็จ และมุ่งหวังให้ทุกฝ่ายเร่งบรรลุการพัฒนาโครงการถนนสามฝ่าย ไทย เมียนมา อินเดีย ซึ่งจะช่วยเชื่อมโยงอินเดียกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าด้วยกัน และส่งเสริมการค้าการลงทุน และการไปมาหาสู่ระหว่างประชาชน 

ความร่วมมือด้านวัฒนธรรมและการศึกษา ทั้งสองฝ่ายพร้อมส่งเสริมความร่วมมือ และการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมและการศึกษา โดยนายกรัฐมนตรียินดีกับการลงนามความตกลงโครงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างรัฐบาลไทยและอินเดีย ระหว่างรัฐมนตรีวัฒนธรรมสองฝ่าย ซึ่งจะช่วยให้ความร่วมมือเป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งเอกอัครราชทูตอินเดียฯ ยินดีส่งเสริมความร่วมมือด้านวัฒนธรรมและการศึกษา รวมถึงการแลกเปลี่ยนความร่วมมือในด้านดนตรี การละคร และการเต้นรำ

ความร่วมมือด้านสาธารณสุข นายกรัฐมนตรีหวังว่า จะกระชับความร่วมมือทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขระหว่างกัน ซึ่งไทยพร้อมส่งเสริมความร่วมมือด้านการวิจัยและยาระหว่างกันอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการดำเนินการตาม MoU ด้านสาธารณสุขและการวิจัยทางการแพทย์ที่ได้ลงนามระหว่างกันในการประชุม JC ครั้งล่าสุด

ความร่วมมือด้านความมั่นคง เอกอัครราชทูตอินเดียฯ ยินดีที่ไทยและอินเดียมีความร่วมมือด้านการทหารและความมั่นคงที่ใกล้ชิด และมีการฝึกทางทหารร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ด้านนายกรัฐมนตรีพร้อมเพิ่มพูนความร่วมมือ ในสาขาด้านความมั่นคงรูปแบบใหม่ ความมั่นคงทางทะเล อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ รวมถึงการแลกเปลี่ยนความร่วมมือและการฝึกอบรมด้านความมั่นคงไซเบอร์