In News

รถเมล์ไฟฟ้าเปิด3เส้นทางจาก'คลองเตย' ไปอนุสาวรีชัย/ท่าเรือภาษีเจิรญ/พระราม7



กรุงเทพฯ-ศักดิ์สยามเดินหน้าสานต่อความสำเร็จผลักดันให้บริการเดินรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าเพิ่มอีก 3 เส้นทาง ยกระดับคุณภาพชีวิตและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานพิธีเปิดให้บริการเดินรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า สาย 3 - 36 ท่าเรือคลองเตย - ท่าเรือภาษีเจริญ สาย 3 - 44 ท่าเรือคลองเตย - อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และ สาย 3 - 55 ท่าเรือคลองเตย - พระราม 7 ภายใต้แนวคิด “Thai Smile Bus Our Love Will Change The World : รักเรารักษ์โลก” พร้อมด้วย นางสุขสมรวย วันทนียกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวงคมนาคม นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เข้าร่วมงาน โดยมี นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม บริษัท ไทย สมายล์ บัส กรุ๊ป คณะผู้บริหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ  ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 ณ สโมสรการท่าเรือแห่งประเทศไทย เขตคลองเตยกรุงเทพมหานคร

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ กล่าวว่า จากนโยบายของรัฐบาลภายใต้การบริหารงานของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญการเพิ่มประสิทธิภาพรถโดยสารสาธารณะในการให้บริการประชาชน ส่งเสริมการใช้รถเมล์ไฟฟ้า EV มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้สามารถเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม กระทรวงคมนาคมคมได้ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลในการจัดหารถโดยสารพลังงานไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อนำมาบริการประชาชนให้ได้รับความสะดวก สะอาด ประหยัด ปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสามารถเดินทางได้อย่างไร้รอยต่อ สำหรับพิธีเปิดให้บริการรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าในครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 2 ของปี 2566 เป็นกิจกรรมที่สานต่อความสำเร็จในการผลักดันให้เกิดบริการรถโดยสารพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้แก่ประชาชนด้วยความร่วมมือของกระทรวงคมนาคมและภาคเอกชน โดยตั้งแต่กลางปี 2565 มาจนถึงปัจจุบันได้นำรถโดยสารพลังงานไฟฟ้ามาให้บริการกับพี่น้องประชาชนกว่า 1,250 คัน ใน 77 เส้นทาง อันเป็นการพลิกโฉมภาพลักษณ์ของระบบการขนส่งมวลชนทางถนนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในปี 2566 กระทรวงคมนาคมตั้งเป้าหมายว่าจะสามารถผลักดันให้มีรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าให้บริการพี่น้องประชาชนเพิ่มขึ้นอีก 1,850 คัน เพื่อขยายผลการบริการรถโดยสารสาธารณะที่มีคุณภาพ โดยภาคเอกชนจะมีการพัฒนาคุณภาพบริการเดินหน้าปรับเปลี่ยนรถโดยสารเอกชนจากรถที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลไปเป็นรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า ใน 45 เส้นทาง และเส้นทางที่มีความต้องการใช้บริการสูง ทำให้ภาพรวมภายในปี 2566 จะมีรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าให้บริการถึง 3,100 คัน คาดว่าจะส่งผลให้เกิดการลดก๊าซเรือนกระจก 500,000 ตัน คาร์บอนไดออกไซด์ ในภาคการขนส่ง

สำหรับการเปิดเส้นทางรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าเพิ่มอีก 3 เส้นทาง ในย่าน “คลองเตย” ซึ่งเป็นหนึ่งในย่านใจกลางเมืองที่มีเรื่องราวการตั้งรกรากที่อยู่อาศัยและการค้าขายมาอย่างยาวนาน มีตลาดคลองเตย ร้านอาหารเก่าแก่ที่เปิดมาหลายสิบปี ผ่านการส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น รวมไปถึงสตรีทฟู้ดที่มีให้เลือกสรรมากมาย ไม่มีใครในกรุงเทพมหานครที่ไม่รู้จักคลองเตย นับเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจที่กระทรวงคมนาคมได้ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนรถเมล์ที่ให้บริการในย่านนี้มาเป็นรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเพื่อลดมลพิษฝุ่น PM 2.5 และเป็นการเชื่อมโยงการเดินทางแบบไร้รอยต่อ ล้อ - ราง - เรือ ให้พี่น้องประชาชนได้เดินทางไปสู่สถานที่สำคัญ เช่น สวนลุมพินี สถานีรถไฟหัวลำโพง สำเพ็ง วงเวียนใหญ่ ตลาดพลู ท่าเรือภาษีเจริญ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ถนนพระราม 7 และตลอดระยะเวลาเกือบ 4 ปี ที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคมได้ผลักดันนโยบายเพื่อพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะที่มีคุณภาพ สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ราคาเป็นธรรม และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการปฏิรูปเส้นทางเดินรถให้ พี่น้องประชาชนเดินทางได้สะดวก รวมไปถึงปรับปรุง แก้ไข กฎระเบียบ เพื่อสนับสนุนให้เอกชนริเริ่มที่จะนำ รถโดยสารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาให้บริการพี่น้องประชาชน และขอความร่วมมือกับภาคเอกชนเพื่อให้พี่น้องประชาชนสามารถเข้าถึงบริการขนส่งสาธารณะที่ราคาประหยัด เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพ สำหรับการเดินทางรูปแบบใหม่ในวันนี้ ทางบริษัทฯ ได้จัดทำรูปแบบการชำระค่าโดยสารราคาพิเศษผ่านบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (บัตร HOP CARD) เพื่อช่วยลดรายจ่ายในการเดินทาง ซึ่งผู้โดยสารที่เดินทางเฉพาะรถโดยสารจะคิดค่าโดยสารตามจริงแต่ไม่เกินวันละ 40 บาท แบบไม่จำกัดจำนวนเที่ยว และสำหรับผู้โดยสารที่เดินทางในรูปแบบรถต่อเรือจะคิดค่าโดยสารตามจริงแต่ไม่เกินวันละ 50 บาท แบบไม่จำกัดจำนวนเที่ยวอีกด้วย

ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้กล่าวขอบคุณและแสดงความชื่นชมกลุ่ม บริษัท ไทย สมายล์ บัส กรุ๊ป ในฐานะผู้ประกอบการคนไทย ที่มุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์ พัฒนาบริการที่ดีให้แก่ประชาชน และให้ความสำคัญกับนโยบายของกระทรวงคมนาคมในการส่งเสริมและสนับสนุนให้ทุกคนเข้ามาใช้บริการขนส่งสาธารณะที่มีคุณภาพ สะดวก สบาย สะอาด ปลอดภัย ในราคาที่ประหยัด อันจะช่วยสนับสนุนการแก้ปัญหามลพิษฝุ่น PM 2.5 ปัญหา Climate Change และการจราจร ของประเทศไทยอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมพร้อมจะให้ความร่วมมือและร่วมกันทำงานกับภาคเอกชน เพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดพี่น้องประชาชนต่อไป