In News
ศาลอาญาคดีทุจริตฯสั่งยกฟ้องคดีกสทช. กรณีรวมธุรกิจบริษัททรูและบริษัทดีแทค
กรุงเทพฯ-ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางอ่านคำพิพากษา ชั้นตรวจฟ้อง กรณี กสทช. มีมติรับทราบการรวมธุรกิจของบริษัททรูและบริษัทดีแทค
วันนี้ (1 มีนาคม 2566) เวลา 09.30 น. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อท 199/2565 ระหว่าง นางสาวธนิกานต์บำรุงศรี โจทก์ศาสตราจารย์คลินิกสรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ที่ 1 นายต่อพงศ์ เสลานนท์ ที่ ๒ พลอากาศโทธนพันธุ์ หร่ายเจริญ ที่ 3 ศาสตราจารย์พิรงรอง รามสูต ที่ ๔ รองศาสตราจารย์ศุภัช ศุภชลาศัย ที่ ๕ จำเลย เรื่อง ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ (ชั้นตรวจฟ้อง)
คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องสรุปว่า โจทก์เป็นผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของ บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) AIS หมายเลข 0๖๓ ๒๒๔ ๙๖๙๕ จึงเป็นผู้บริโภคในกิจการ โทรคมนาคมที่ได้รับการรับรองและคุ้มครองสิทธิจากการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม หรือ กสทช. วันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๕ จำเลยทั้งห้าร่วมกัน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในคราวประชุมนัดพิเศษ ครั้งที่ ๕/๒๕๖๕ วาระ การพิจารณารายงานการรวมธุรกิจระหว่างบริษัททรูและบริษัทดีแทค ผลการประชุมปรากฏว่า จำเลย ทั้งห้ามีมติเสียงข้างมาก ๓ ต่อ ๒ เสียง ลงมติรับทราบการรวมธุรกิจของบริษัททรูและบริษัทดีแทค โดยจำเลยทั้งห้าจัดให้มีการประชุมและลงมติ โดยไม่ได้รับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและ ประชาชนทั่วไป ไม่นำรายงานฉบับสมบูรณ์ของที่ปรึกษาต่างประเทศมาพิจารณาประกอบ และรับฟัง ความคิดเห็นของบริษัทที่ปรึกษาอิสระ (บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด) เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืน ต่อกฎหมาย ประกาศ ระเบียบ กฎ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง จำเลยที่ ๒ ไม่มีความเป็นกลางและ มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับบริษัททรู จำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๒ ลงมติรับทราบเรื่องการรวมธุรกิจ ระหว่างบริษัททรูและบริษัทดีแทคเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ประกาศ ระเบียบ กฎ และ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้องซึ่งเป็นการมิชอบ การที่จำเลยที่ ๓ ในฐานะประธาน กสทช. เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการ กสทช. ใช้สิทธิลงมติ ๒ ครั้ง ในการประชุมวาระการพิจารณา เรื่อง การรวมธุรกิจ ระหว่างบริษัทรูกับบริษัทดีแทค เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ประกาศ ระเบียบ กฎ และข้อบังคับ ที่เกี่ยวข้อง การที่จำเลยที่ 3 ใช้สิทธิลงมติ งดออกเสียงในการประชุมในวาระดังกล่าวเป็นการกระทำ ที่ฝ่าฝืนตามกฎหมาย ประกาศ ระเบียบ กฎ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยไม่ชอบ
การออกมาตรการเฉพาะของจำเลยทั้งห้าที่กำหนดเกี่ยวกับเรื่องการรวมธุรกิจระหว่าง วันที่ 1 มีนาคม 2566 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางอ่านคำพิพากษา ชั้นตรวจฟ้อง กรณี กสทช. มีมติรับทราบการรวมธุรกิจของบริษัททรูและบริษัทดีแทค ๒ บริษัททรูกับบริษัทดีแทคขัดแย้งต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖o และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งห้าตามประมวลอาญา มาตรา ๑๕๗ ประกอบมาตรา 83 ศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบกลาง พิจารณาแล้วมีคำวินิจฉัยดังนี้ ๑.) พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๒๘ บัญญัติให้ กสทช. จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและประชาชนทั่วไปก่อนออกระเบียบ ประกาศ หรือ คำสั่งเกี่ยวกับการกำกับดูแลการประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ที่มีผลเป็นการใช้บังคับทั่วไป แต่สำหรับกรณีการพิจารณารายงานการรวมธุรกิจของบริษัททรูและ บริษัทดีแทคเป็นการพิจารณาเพื่อมีมติหรือมีคำสั่งเกี่ยวข้องหรือผูกพันเกี่ยวกับผู้รับใบอนุญาตเฉพาะราย คือ บริษัททรูและบริษัทดีแทคเท่านั้น ไม่ได้มีผลบังคับเป็นการทั่วไป จำเลยทั้งห้าจึงไม่มีหน้าที่ต้องจัดให้ มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปและผู้มีส่วนได้เสียหลักก่อน
ส่วนกรณีไม่นำรายงาน ฉบับสมบูรณ์ของที่ปรึกษาต่างประเทศมาพิจารณาประกอบและการรับฟังความคิดเห็นของที่ปรึกษาอิสระ จำเลยทั้งห้าปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย ประกาศ ระเบียบที่เกี่ยวข้องทุกประการแล้ว ๒.) จำเลยที่ ๒ ไม่ได้มีส่วนได้เสียกับเรื่องที่พิจารณา จึงไม่มีเหตุต้องห้ามมิให้พิจารณา เรื่องทางปกครอง ไม่ปรากฏว่ากลุ่มบริษัททรูมีพฤติการณ์แทรกแซงการทำงานของจำเลยที่ ๒ จนขาดอิสระในการปฏิบัติหน้าที่กรรมการ กสทช. จำเลยที่ ๒ จึงสามารถเข้าร่วมประชุม กสทช. เพื่อพิจารณาและมีมติเกี่ยวกับการรวมธุรกิจของบริษัททรูและบริษัทดีแทคได้ ๓) การรวมธุรกิจของบริษัททรูและบริษัทดีแทคไม่ใช่เป็นการเข้าซื้อหุ้นหรือถือหุ้น เกินกว่าร้อยละ ๕0 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของผู้รับใบอนุญาตรายอื่น หรือเข้าซื้อสินทรัพย์ทั้งหมด หรือบางส่วนเพื่อควบคุมนโยบายหรือการบริหารธุรกิจของผู้รับใบอนุญาตรายอื่น แต่เป็นการรวมธุรกิจ ที่บริษัทจำกัด (มหาชน) 2 บริษัทขึ้นไปควบรวมกันแล้วนำไปจดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัด (มหาชน) ขึ้นใหม่ โดยบริษัททรูและบริษัทดีแทคสิ้นสภาพจากการเป็นนิติบุคคลเดิม พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่น ความถี่ฯ พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๒๗ (๑๑) และพระราชบัญญัติประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ มาตรา ๒๑ และมาตรา ๒๒ ไม่ได้บัญญัติให้อำนาจ กสทช. ในการพิจารณาอนุญาตหรือไม่อนุญาต รวมธุรกิจของผู้รับอนุญาตแต่อย่างใด เพียงแต่ให้อำนาจ กสทช. เฉพาะในเรื่องการกำหนดมาตรการ การป้องกันการกระทำอันเป็นการผูกขาดเท่านั้น และที่ผ่านมา กสทช. เคยพิจารณารายงานการรวม ธุรกิจของผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมทั้งหมด ๙ กรณี และ ๙
กรณีดังกล่าว ได้มีการลงมติ เพียงรับทราบรายงานการรวมธุรกิจของผู้รับใบอนุญาตทั้งสิ้น ไม่มีกรณีใดที่ กสทช. มีมติอนุญาตหรือ ไม่อนุญาตการรวมธุรกิจแต่อย่างใด จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ลงมติรับทราบรายงานการรวมธุรกิจ ระหว่างบริษัททรูและบริษัทดีแทคจึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่ถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายทุกประการ ๔.) การประชุม กสทช. นัดพิเศษ ครั้งที่ ๕/๒๕๖๕ วาระการพิจารณารายงานการรวม ธุรกิจของบริษัททรูและบริษัทดีแทค กรณีจึงต้องบังคับตามข้อ ๔๑ วรรคสาม ของระเบียบ กสทช. ว่าด้วยข้อบังคับการประชุมฯ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นประธานของคณะกรรมการ กสทช. ออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด ทำให้การวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการ กสทช. ๓ มีเสียงของผู้เห็นด้วยว่า การรวมธุรกิจของบริษัททรูและบริษัทดีแทคไม่เป็นการถือครองธุรกิจในบริการ ประเภทเดียวกัน การลงมติของจำเลยที่ ๑ จึงเป็นการกระทำที่ถูกต้องโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ๕.) พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๒๓ วรรคหนึ่ง กำหนดให้การประชุม การลงมติและการปฏิบัติงานของ กสทช. ให้เป็นไปตามระเบียบที่ กสทช. กำหนด ระเบียบ กสทช. ว่าด้วยข้อบังคับการประชุมฯ มิได้มีข้อกำหนดให้กรรมการ กสทช. ต้องออกเสียง ทุกครั้งทุกคราวที่มีการประชุม และมิได้มีข้อกำหนดเกี่ยวกับการงดออกเสียงไว้การที่จำเลยที่ ๓ งดออกเสียงในการประชุมพิจารณาการรวมธุรกิจของบริษัททรูและบริษัทดีแทค โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงอื่น
จึงไม่มีเหตุแห่งการที่จะพิจารณาว่าจำเลยที่ ๓ กระทำการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ๖.) มาตรการเฉพาะที่จำเลยทั้งห้ากำหนดเกี่ยวกับเรื่องการรวมธุรกิจระหว่างบริษัททรู กับบริษัทดีแทคได้พิจารณาข้อกังวลในหลายประเด็น ได้แก่ อัตราค่าบริการและสัญญาการให้บริการ การเข้าสู่ตลาดและประสิทธิภาพการแข่งขันและการสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อย คุณภาพ การให้บริการ การถือครองคลื่นความถี่ การใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน และเศรษฐกิจของประเทศ นวัตกรรมและความเหลื่อมล้ำทางดิจิตอลเป็นการกระทำที่สอดคล้องกับเจตนารมณ์และบทบัญญัติ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ (มาตรา ๗๗) วรรคสาม ทั้งยังเป็นการปฏิบัติ ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรขึ้นความถี่ฯ พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๒๗ (๑๑) และพระราชบัญญัติ ประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ มาตรา ๒๑ และมาตรา ๒๒ ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนฟังไม่ได้ว่า จำเลยทั้งห้ากระทำผิด ตามฟ้อง ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษายกฟ้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๘๕ วรรคหนึ่ง ประกอบกับพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. ๒๕๕๙ มาตรา ๖ วรรคหนึ่ง โดยไม่ต้องดำเนินกระบวนพิจารณาไต่สวนมูลฟ้องต่อไป