In News

ผู้ว่าฯแพร่ลงพื้นที่ติดตามไฟป่าจุดเสี่ยง



แพร่-ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่เสี่ยงของอำเภอเมืองแพร่

วันนี้9 มีนาคม พ.ศ. 2564 เวลา 19.45 น.  นายสมหวัง พ่วงบางโพ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ พร้อมด้วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดแพร่ , ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดแพร่ และประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่ลงพื้นที่ไปติดตามสถานการณ์ไฟป่า ณ หน่วยช้างผาด่าน ตำบลสวนเขื่อน อำเภอเมืองแพร่เส้นทางไปพระธาตุอินทร์แขวน เพื่อบัญชาการการดับไฟป่าในพื้นที่ ตลอดจนให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานดับไฟป่า โดยพื้นที่ตำบลสวนเขื่อน ตำบลป่าแดง อำเภอเมืองแพร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าเขตติดต่อกับอำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยในฤดูแล้งของทุกปีมักเกิดไฟไหม้ป่าในพื้นที่ภูเขาสูง ยากแก่การเข้าดับไฟ เนื่องจากเป็นพื้นที่สูงชันเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปที่เกิดเหตุได้ที่ผ่านมาอาศัยเฮลิคอปเตอร์ของหน่วยงานทั้งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บินเข้าไปโปรยน้ำเพื่อดับไฟป่า

นายอิศเรศ  สิทธิโรจนกุล ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่)ผู้นำชุดปฎิบัติการดับไฟป่ากล่าวว่า ไฟป่าได้ไหม้ที่ดอยผาสามเส้าพื้นที่เสียหายเป็นวงกว้างประมาณเกือบ 100 ไร่ เกิดจุดความร้อนขึ้น 11 จุด เหตุเกิดเวลาประมาณ 02.00 น. เข้าดับในตอนเช้า สนธิกำลังระหว่างเขตห้ามล่าสัตว์ป่าช้างผาด่าน หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พร. 9(ช่อแฮ) เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน เครือข่ายราษฎรบ้านนาคูหา พร้อมเครือข่ายความมือในการดับไฟป่า หมู่ 5 ตำบลสวนเขื่อน  ใช้เวลาดับประมาณ 6 ชั่วโมง ใช้การเดินเท้า  รถจักรยานยนต์  เครื่องเป่าลม เป็นอุปกรณ์ ดับไฟ หรือทำแนวกันไฟ ต้องใช้ชุดปฎิบัติการที่มีความชำนาญผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี   ขณะนี้ได้จัดทำแนวกันไฟไว้ป้องกันไฟเข้าสู่พื้นที่การเกษตร 

ทั้งนี้พรุ่งนี้(10มี.ค.64) ทางชุดปฎิบัติการดับไฟป่าตำบลสวนเขื่อนจะออกลาดตระเวนตรวจตราเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดไฟขึ้นอีก 

ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่กล่าวว่าสถานการณ์ไฟป่าที่เกิดขึ้นเกิดจากน้ำมือมนุษย์แม้ว่าจังหวัดจะได้ประกาศปิดป่าในพื้นที่แล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีการลักลอบเข้าไปจุดไฟป่าเผาป่า เพื่อหาของป่า แต่ก็ได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ติดตามจับกุมดำเนินคดีกับผู้ที่ลักลอบเผาป่า นอกจากนี้จังหวัดแพร่ยังให้เจ้าหน้าที่ควบคุมดูแลพื้นที่ ที่อยู่ติดกับป่า โดยมีการคัดกรองบุคคลเข้าป่าเพื่อป้องกันการเข้าไปเผาป่า แต่เนื่องจากพื้นที่ป่ากว้างขวาง บุคคลสามารถเดินเข้าป่า โดยไม่ผ่านจุดคัดกรองจึงไม่สามารถสกัดกั้นได้เต็มที่