In News

รองเอรุกสู้'แก้วพิจิตร'ชิงทน.นครปฐม



นครปฐม -ศึกชิงเก้าอี้ นายกเทศบาลนครนครปฐม คึกคัก นายกเสรินทร์ หวนคืนสนามปัดฝุ่น 8 ปี หวังกลับมานั่งในตำแหน่ง ฐานทัพของตระกูลแก้วพิจิตรอีกครั้ง  วางนโยบาย 9 ต้องทำ 5 พัฒนนา อีกฟากรองเอ อดีตรองนายกสมัยล่าสุดหวังนำนโยบายเปลี่ยนเมือง มาล้มช้าง ใครดีใครอยู่ 28 มีนาคมนี้รู้เรื่อง 

วันที่ 24 มีนาคม 64 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้ง นายกเทศมนตรีตรีและมาชิกสภาเทศบาลเทศบาลนครนครปฐม ในช่วงโค้งสุดท้าย ก่อนจะมีการเลือกตั้ง ในวันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม ที่จะถึงนี้ ซึ่งบรรยกาศเป็นไปอย่งคึกคักเนื่องจากผู้สมัครทั้ง 2 ทีม ซึ่งเป็นผู้สมัครที่เป็นกลุ่มการเมืองเก่าแก่ของจังหวัดนครปฐม ต่างขนทีมงานเดินลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และเข้มข้นเพื่อโกยคะแนนจากประชาชนในพื้นเพื่อหวังเข้าวินสู่ชัยชนะในวันสุดท้าย 

โดยนายเสรินทร์ แก้วพิจิตร หรือ นายกเสรินทร์ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีเทศบาลนครนครปฐม หมายเลข 2 เป็นแม่ทัพในการนำสมาชิก 24 คน ลงสนามเลือกตั้ง ภายในนามกลุ่มสันติธรรม ซึ่งในอดีตเคย นั่งในเก้าอี้นี้มาแล้วถึง 2 สมัย หลังจากได้วางมือไปแล้วเมื่อ 8 ปีก่อน ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ได้รับมอบหมายจาก นายสุนทร แก้วพิจิตร อดีตประธานสภาเทศบาลนครนครปฐม ผู้เป็นบิดาให้กลับมาชิงชัยอีกครั้ง โดยมีฐานเสียงหลักที่ ตระกูลแก้วพิจิตร ได้สร้างเอาไว้เมื่อ 40 กว่าปีก่อนซึ่งยังคงเหนียวแน่นมาจนถึงปัจจุบัน 

นโยบายหลัก ที่นายเสรินทร์ ผู้สมัครหมายเลข 2 ได้นำมาใช้เป็นกลยุทธในการหาเสียงครั้งนี้ ได้วางแนวคิด 9 ที่ต้องทำ คือ 

 1.การบริการต้องฉับไว
2. น้ำปะปาต้องใสและไหลแรง
3. ไฟต้อสว่างทางดี
4. ชุมชนต้องสะอาดและงามตา
5. คลองเจดีย์บูชาต้องช่วยกันดูแล ต้องสะอาดละงามตา
6. สุขภาพต้องมาก่อน
7. สถานที่ออกกำลักายต้องเพียงพอ
8. น้ำต้องไม่ท่วม
9. การศึกษาทุกระดับต้องได้รับการยอมรับ 

และ 5 สิ่งที่ต้องพัฒนา
1. การบริการพี่น้องประชาชนไปสู่มืออาชีพ
2. พัฒนาไปสู่เมือง IT 
3. พัฒนาภูมิทัศน์ไปสู่เมืองน่าอยู่อาศัย
4. พัฒนาคุณภาพชีวิตและสุขภาพอนามัยทุกกลุ่มวัย
5. พัฒนาสถานที่ออกกำลังกาย การกีฬา ไปสู่ Sport Tourism

ซึ่งในโค้งสุดท้ายนี้ได้มีการตอกย้ำนโยบายว่าสามารถทำได้จริง และทำได้ทันทีรวมถึงการปรับทัพของผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลนครนครปฐม โดยมีการผสมผสานระหว่างนักการเมืองที่เคยทำงานมาแล้วและคนรุ่นใหม่ที่มีเจตนาและแนวคิดตรงกันมาทำงานร่วมกันซึ่งจะทำให้เกิดประสิทธิภาพในการบริหารงานให้มากที่สุด เนื่องจากปัจจุบันคนรุ่นใหม่ได้สนใจเรื่องการเมืองมากขึ้น และมีแนวคิดที่จะสร้างอนาคตด้านคุณภาพชีวิตซึ่งการเมืองท้องถิ่นเป็นรากฐานสำหรับการพัฒนาในทุกมิติและเป็นจุดรากฐานที่สำคัญของการเมืองในระดับชาติ 

ขณะที่คู่แข่งขันแม้จะเป็นคนหน้าใหม่ในการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นครั้งแรก แต่ก็เป็นคนหน้าเก่าสำหรับการทำงานการเมืองในเทศบาลนครนครปฐม เมื่อ นายรัฐการ พรรณพัฒน์ หรือรองเอ อดีตรองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครนครปฐม สมัยที่ผ่านมา ผู้สมัคร หมายเลข 1 ได้นำลูกทีมมาร่วมลงแข่งขันในสนามนี้ครบทั้ง 24 ในชื่อกลุ่ม ร่วมพลัง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนรุ่นใหม่ที่เป็นลูกหลานของคนในหลายแวดวงในพื้นที่ ซึ่งได้ใช้แนวคิดว่า "ร่วมพลังเปลี่ยนนครปฐมไปกับพวกเรา" 

ส่วนนโยบายของ นายรัฐการ หรือรองเอ คือ การเปลี่ยน ซึ่งวางแนวคิดว่า นครปฐม เป็นเมืองเก่าแก่ ที่มีเสน่ แต่สิ่งอำนวยความสะดวกถูกปล่อยทิ้งเหมือนบ้านที่ไม่ได้รับการดูแล การก่อสร้างอาคารบดบังทัศนียภาพไม่น่ามอง สายไฟรุงรัง ทางเท้าไม่ได้รับการดูแลอย่างจริงจัง  มีการทิ้งขยะไม่เป็นที่ รากไม้บดบังท่อระบายน้ำ ทางเดินคนพิการไม่เพียงพอ สถานที่ออกกำลังกายไม่มากพอ และทุกครั้งที่ฝนตกมักจะมีเสียงบ่นเรื่องน้ำท่วมเมือง

สิ่งเหล่านี้ต้องได้รับการแก้ไข และได้มีการนำทีมวิศวกรรวมถึงผู้เชี่ยวชาญทางด้านผังเมืองมาร่วมวางแผงเพื่อแก้ปัญหาและมีการปรับแก้นำในคลองเจดีย์บูชาให้กลับมาสวยใสเหมือนเดิม ซึ่งรวมเรียกว่า การเปลี่ยนเมืองนครปฐม จากสิ่งที่เคยเป็น 

ในช่วงโค้งสุดท้ายการหาเสียงในเขตเทศบาลนครนครปฐม จึงเป็นสนามที่เรียกว่าถูกจับตามากที่สุดในสนามการเมืองระดับท้องถิ่นครั้งนี้ ว่าตระกูลแก้วพิจิตร จะสามารถรักษาเก้าอี้ไว้ได้อีกสมัยหรือไม่เพราะตั้งแต่มีการยกระดับการเมืองท้องถิ่นในเขตเทศบาลนครนครปฐม ตระกูลแก้วพิจิตร ยังไม่เคยเพี่ยงพร้ำ เสียเก้าอี้ให้กับกลุ่มการเมืองใดเลย 

การเลือกตั้งครั้งนี้จึงถือว่าเป็นการแสดงจุดยืนของประชาชนในเขตเทศบาลนครนครปฐม ที่ชัดเจนอีกครั้งว่าใครที่จะสามารถก้าวเข้ามานั่งในตำแหน่งนายกเล็กเมืองเจดีย์ใหญ่ ซึ่งจะเป็นนายเสรินทร์ ผู้ที่มีประสบการณ์การบริหารงานมาแล้ว หรือจะเป็นนายรัฐการ หรือรองเอ ที่ตั้งเป้าจะมาล้มช้างในสนามเลือกตั้งครั้งนี้ วันที่ 28 มีนาคมนี้ รู้กัน