Biz news
ทีทีบีจัดทัพผู้เชี่ยวชาญเกาะเทรนด์ลงทุน ผ่านสัมมนาวิเคราะห์โอกาสเจาะ4ธีม
กรุงเทพฯ-ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ยกกองทัพผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน ร่วมเปิดทิศทางการลงทุนตลาดในครึ่งปีหลังของปี 2567 แบบเอ็กซ์คลูซีฟ ผ่านสัมมนา “ttb investment outlook 2024: วิเคราะห์โอกาสเจาะ 4 ธีมการลงทุนครึ่งปีหลังเพื่อความยั่งยืน” ให้กับลูกค้า ttb reserve เพื่อนำมาปรับพอร์ตการลงทุนและช่วยสร้างโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่ดี นำไปสู่ชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นทั้งในวันนี้และอนาคต
ธีมแรก: Market Normalization สร้างความมั่งคั่ง ด้วยพอร์ตการลงทุนที่มั่นคง
นายนาวิน อินทรสมบัติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวหน้าบริหารการลงทุน ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า ครึ่งปีแรกของปี 2567 ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นได้ดีตามที่ ttb investment office คาดการณ์ โดยเฉพาะในฝั่งของตลาดหุ้นสหรัฐฯ สำหรับในครึ่งปีหลังมองว่าสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อไปได้ รวมทั้งธีมการลงทุนทั้ง 4 ที่ธนาคารได้ฝากไว้ให้กับนักลงทุนตั้งแต่ช่วงต้นปีนั้น “จะยังคงอยู่คู่ตลาดต่อไป” จาก 4 ปัจจัยบวก ได้แก่ 1) อัตราดอกเบี้ยในประเทศหลัก ส่วนใหญ่เข้าสู่แนวโน้มขาลงชัดเจนมากขึ้น 2) เศรษฐกิจโลกยังขยายตัวได้ ไม่ถดถอย 3) ผลกำไรบริษัทยังเติบโตได้ดี และ 4) ความไม่แน่นอนในตลาดการเงินหายไปหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ ทั้งนี้ การที่อัตราดอกเบี้ยในประเทศหลักมีแนวโน้มปรับตัวลงเข้าสู่ระดับปกติ จะส่งผลให้การเคลื่อนไหวของผลตอบแทนระหว่าง สินทรัพย์ต่างๆ กลับมาเป็นปกติเช่นกัน และทำให้ “การจัดพอร์ตลงทุนกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามธีม Market Normalization” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการลงทุนที่จะทำให้ทุกท่านลงทุนได้อย่างสบายใจ และมีสุขภาพการเงินที่ดีอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยเบื้องต้น ttb investment office นำเสนอ 3 โซลูชันการลงทุน จำแนกตามระดับความเสี่ยงและวัตถุประสงค์การลงทุนให้กับทุกท่าน ได้แก่ 1) การจัดพอร์ตการลงทุนตามคำแนะนำของธนาคารที่เรียกว่า Advanced Asset Allocation (AAA) ซึ่งเหมาะสมกับท่านที่รับความเสี่ยงได้มากและมีเวลาติดตามตลาด 2) ลงทุนในกองทุน Multi Asset อย่าง ES-GAINCOME ที่มีการกระจายความเสี่ยงในตัว ซึ่งเหมาะสมกับท่านที่รับความเสี่ยงได้ปานกลางและมีเวลาติดตามตลาดไม่มากนัก และ 3) การจัดพอร์ตแบบ ttb wellness solution ซึ่งเหมาะสมกับท่านที่รับความเสี่ยงได้น้อยถึงปานกลาง และเน้นการลงทุนที่มุ่งรักษาเงินต้นเป็นสำคัญ
นายวีรวัฒน์ คิรินทร์รัตนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท หลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุนอมุนดิ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า กองทุนเปิดอีสท์สปริง Global Multi Asset Income (ES-GAINCOME) เหมาะสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง โดยกองทุน ES-GAINCOME (ลงทุนระยะยาว > 3 ปี) เน้นการลงทุนในตราสารหลากหลายประเทศทั่วโลก เป็นโซลูชันที่เหมาะกับการเป็นพอร์ตหลัก (Core portfolio) ที่ช่วยกระจายความเสี่ยงและมีความยืดหยุ่นสูง โดยกองทุนนี้มี 2 จุดมุ่งหมายสำคัญเพื่อตอบโจทย์การลงทุน ได้แก่ 1) มุ่งสร้างกระแสเงินสด และ 2) ให้ผลตอบแทนรวมที่ดีเติบโตอย่างต่อเนื่อง และบริหารงานภายใต้ 4 หลักการคือ 1) ทีมงานมีความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการกองทุน 2) กระจายความเสี่ยงและได้ผลตอบแทนที่ดี 3) มีทีมงานกว่า 100 คนที่มีอิสระทางความคิด 4) สามารถกระจายความเสี่ยงได้อย่างต่อเนื่องโดย ES-GAINCOME นับเป็นกองที่สามารถลงทุนได้อย่างสบายใจท่ามกลางความผันผวนในตลาด
ธีมที่สอง : Yield Capture เสริมสร้างความมั่งคั่งด้วยการลงทุนแบบอุ่นใจ
นายกัมปนาท โอมฤก นักกลยุทธ์การลงทุน ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า จากต้นปีจนถึงปัจจุบันจะเห็นได้ว่า Bond Yield ที่อยู่ในระดับสูง เงินเฟ้อของประเทศหลักและไทยเข้าใกล้ระดับเป้าหมายของธนาคารกลางมากขึ้น ทำให้มุมมองดอกเบี้ยมีแต่ทรงกับลง และเป็นสถานการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก เราจึงมองเป็นโอกาสเพื่อที่จะเข้าไปล๊อกผลตอบแทน นอกจากนี้ ธนาคารมีแนวทางในการจัดพอร์ตการลงทุนแบบ “Wellness Solution” ซึ่งได้ประโยชน์จากภาวะอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูง และยังสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก ซึ่งแนวทางการจัดพอร์ตการลงทุน Wellness Solution เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีสัดส่วนเงินฝากสูง และต้องการหาผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากประจำทั่วไปพร้อมทั้งต้องการใช้เงินบางส่วนในระยะสั้น (มีสภาพคล่อง) รวมไปถึงนักลงทุนที่ต้องการพอร์ตการลงทุนที่มีเป้าหมายการลงทุนมุ่งรักษาเงินต้นไว้ด้วย
นางสาวรัตตินาถ แจ่มโสภณ หัวหน้าผลิตภัณฑ์ธุรกิจตลาดเงินและการตลาดผลิตภัณฑ์การเงิน ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า บรรยากาศการลงทุนในปัจจุบันมีแนวโน้มดีขึ้น ปีนี้เป็นปีแห่งความหวังและความท้าทายในสภาวะที่ตลาดยังมีความผันผวน โดยคาดการณ์ว่าในปีนี้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นถึง 35.5 ล้านคน และการส่งออกจะฟื้นตัวจากปีก่อนหน้า ในขณะที่ทิศทางดอกเบี้ยแม้ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังคงดอกเบี้ยอยู่ที่ 2.5% แต่มุมมองตลาดคาดแนวโน้มดอกเบี้ยในระยะกลาง มีโอกาสปรับลดลง 1-2 ครั้ง ซึ่งธนาคารมองว่าหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง หรือ Structured Notes เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่น่าสนใจ โดยทีทีบีนำเสนอ ttb callable range accrual note (CRA) หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงอ้างอิงอัตราดอกเบี้ย 3M THOR Average อายุ 5 ปี ผู้ออกมีสิทธิ์ไถ่ถอนก่อนครบกำหนดอายุ เป็นโซลูชันที่จะเข้ามาเป็นทางเลือกในการกระจายพอร์ตการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น โดยคุ้มครองเงินต้น 100% สร้างผลตอบแทนด้วยการลงทุนอย่างอุ่นใจ โอกาสได้รับผลตอบแทนสูงถึง 3.5% ต่อปี หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบที่กำหนด เหมาะสมกับสภาวะตลาดในตอนนี้
ธีมที่สาม: The Next Stage of Generative AI หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ มาไกล ต้องไปต่อหรือพอแค่นี้
นายอภิวัฒน์ น้าประทานสุข ผู้บริหารกลยุทธ์การลงทุน ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า ผ่านมาครึ่งปี หุ้นกลุ่ม Big Tech สหรัฐฯ รวมถึงกลุ่ม Semiconductor ปรับตัวขึ้นได้เป็นอย่างดีเปรียบเสมือนกับเป็นผู้นำตลาดตามที่เราคาดการณ์ และแน่นอนว่าในครึ่งปีหลัง หุ้นกลุ่มดังกล่าวยังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อได้อย่างทรงพลัง โดย ttb investment office ขอแนะนำ “4 Keywords” ตามตัวอักษรของคำว่า “TECH” เพื่อเป็นแนวทางให้กับทุกท่านใช้ประกอบการตัดสินใจว่าทำไมต้องลงทุนในหุ้น Big Tech สหรัฐฯ และควรลงทุนอย่างไร ได้แก่ 1) T : Timing ครึ่งหลังของปีเป็นจังหวะที่ดีสำหรับการลงทุนในหุ้น Big Tech เนื่องจากเป็นช่วงที่ดอกเบี้ยเริ่มเข้าสู่วัฏจักรขาลง และการลงทุนควรลงทุนอย่างต่อเนื่องไม่ควรเน้นจับจังหวะการลงทุนในระยะสั้น 2) E : Earnings ราคาหุ้นกลุ่ม Big Tech มีโอกาสปรับขึ้นต่อได้อีก จากผลกำไรที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ดี ตามการพัฒนา Generative AI ที่ยังไม่จบสิ้น 3) C : Charming เสน่ห์การลงทุนในหุ้น Big Tech ยังคงอยู่เพราะในด้าน Valuation นั้น ไม่ได้แพงขึ้นตามราคาที่ปรับขึ้น และ 4) H : Heading เราไม่จำเป็นต้องปรับสัดส่วนการลงทุนตามหัวข้อข่าวที่เกิดขึ้นเป็นระยะ เช่น การที่ Fed จะลดดอกเบี้ยหรือไม่ อย่างไร ตราบใดที่ปัจจัยพื้นฐานกลุ่ม Big Tech ยังแข็งแกร่งไม่เปลี่ยนแปลง
นายบดินทร์ พุทธอินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บลจ. อีสท์สปริง (ประเทศไทย) กล่าวว่า เศรษฐกิจรวมถึงตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงมีความน่าสนใจโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเติบโตและกลุ่มเทคโนโลยี โดยกองทุน ES-USBLUECHIP (EASTSPRING US Blue Chip Equity Fund) เป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่มีแนวโน้มเติบโตและมีพื้นฐานดี ขณะที่กองทุนมีการบริหารจัดการแบบ Active เพื่อให้ผลตอบแทนชนะดัชนีชี้วัด ออกโดย T. Rowe Price และอีกกองทุน คือ ES-USTECH (EASTSPRING US Information Technology Fund) ยังคงมีความน่าสนใจ และโดดเด่นตรงที่เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทในกลุ่ม Information Technology ในสหรัฐฯ ยังมีการเติบโตของกำไรที่โดดเด่นและมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ขณะที่กองทุนมีการบริหารจัดการแบบ Passive เพื่อให้ผลตอบแทนเป็นไปตาม IT Sector Index ในดัชนี S&P500 และปรับพอร์ตลงทุนทุกไตรมาส โดยถือหุ้นประมาณ 70-75 บริษัท ออกโดย Blackrock Asset Management
ธีมที่สี่: Economic Recovery เศรษฐกิจยุโรปจากภาวะถดถอยสู่การฟื้นตัวที่เริ่มเด่นชัด
นายภูริพัฒน์ ละเอียดธนะกิจ นักกลยุทธ์การลงทุนอาวุโส ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า หากพิจารณาในแง่ของการเติบโตทางเศรษฐกิจ เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างมั่นคงในช่วงปีนี้ต่อเนื่องปีหน้า นำโดยเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในฝั่งประเทศพัฒนาแล้ว และเศรษฐกิจอินเดียในฝั่งตลาดประเทศเกิดใหม่ แต่หากมุ่งเน้นไปที่เศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างเด่นชัด คงหนีไม่พ้นเศรษฐกิจยุโรป ที่ไม่ได้เกิดภาวะถดถอยอย่างที่เคยกังวล และคาดว่าจะมีการเติบโตในอัตราเร่งที่สูงขึ้นในช่วง 1-2 ปีนี้ จากทิศทางเงินเฟ้อที่ชะลอลงอย่างรวดเร็ว ช่วยเปิดทางให้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นปัจจัยส่งเสริมการลงทุนในตลาดหุ้นยุโรป นอกจากนี้หุ้นยุโรปยังมีเสน่ห์ในแง่การเติบโตของคาดการณ์ผลกำไรที่ยังอยู่ในระดับสูง จากการที่หลายบริษัทในยุโรปเป็นบริษัทข้ามชาติที่มีรายได้มาจากทั่วโลก และเป็นผู้นำในหลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งช่วยให้ระดับราคาของหุ้นยุโรปยังไม่แพง แม้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงใหม่หลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับระดับราคาของตลาดหุ้นสหรัฐฯ
นายสุทธิโรจน์ สิทธิวัฒนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายจัดการกองทุนต่างประเทศและกองทุนทางเลือก บลจ.วรรณ กล่าวว่า บลจ.วรรณ มีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจยุโรป และยังคงคำแนะนำผู้ลงทุนทยอยสะสมกองทุนภายใต้การบริหารกองทุนเปิด วรรณ ยูโรเปี้ยน อิควิตี้ (ONE-EUROEQ) ซึ่งเป็นกองทุนประเภท Feeder Fund ที่มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Eleva European Selection Fund (กองทุนหลัก) โดยกองทุน ONE-EUROEQ มีจุดเด่นโดยเน้นบริหารการลงทุนในเชิงรุก สามารถปรับพอร์ตการลงทุนได้อย่างยืดหยุ่น ปัจจุบันกองทุนหลักเน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ (Mega Cap) ที่มีความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจสูงและเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ธุรกิจส่วนใหญ่เป็น Multinational Company ซึ่งมีรายได้จากทั่วโลก ช่วยจํากัดความเสี่ยงเฉพาะรายประเทศได้ดี