In News

สร้าง4เลนจันทบุรี-สระแก้วรับค้าชายแดน 'ช่วงสอยดาว-บ้านเขาแหลม'กว่า16กม.



กรมทางหลวง ขยายช่องจราจร ทล.317 สาย จันทบุรี - สระแก้ว จังหวัดจันทบุรี แล้วเสร็จ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภาคตะวันออก ส่งเสริมเศรษฐกิจ มุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

...

 

กรุงเทพฯ-กรมทางหลวง (ทล.) กระทรวงคมนาคม ก่อสร้างขยายทางหลวงหมายเลข 317 สาย จันทบุรี - สระแก้ว ตอน อำเภอสอยดาว - บ้านเขาแหลม ตอน 1 แล้วเสร็จ เชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐานให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน

ทล. โดยสำนักก่อสร้างทางที่ 2 ปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 317 สาย จันทบุรี - สระแก้ว ตอน อำเภอสอยดาว - บ้านเขาแหลม ตอน 1 ระหว่าง กม. ที่ 65+350 - 82+000 ระยะทาง 16.65 กิโลเมตร เริ่มต้นที่อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี และสิ้นสุดที่อำเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว เป็นทางหลวงที่เชื่อมต่อระบบ โลจิสติกส์ระหว่างภาคตะวันออกกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนใต้ รวมทั้งเป็นเส้นทางเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีแหล่งศิลปวัฒนธรรมระหว่างประเทศไทย - กัมพูชา ที่เป็นอัตลักษณ์ระหว่าง 2 ประเทศ การขนส่งสินค้าทางการเกษตร การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมการผลิต นอกจากนี้ ยังเป็นเส้นทางสายหลักในการคมนาคมที่มีการสัญจรของประชาชนเป็นจำนวนมากในช่วงเทศกาลต่าง ๆ เนื่องจากมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และธรรมชาติที่สวยงาม เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ชุมชนในระยะยาว ทล. จึงได้ดำเนินการปรับปรุงทางหลวงจากเดิมขนาด 2 ช่องจราจรให้เป็นมาตรฐานทางชั้นพิเศษขนาด 4 ช่องจราจร (ไป - กลับ ข้างละ 2 ช่องจราจร)   ผิวทางเป็นแอสฟัลท์ติกคอนกรีต ผิวจราจรกว้างช่องละ 3.50 เมตร ไหล่ทางด้านนอกกว้าง 2.50 เมตร มีดินถมคันทางแบ่งทิศทางจราจรด้วยกำแพงคอนกรีต และบริเวณย่านชุมชนก่อสร้างเป็น 10 ช่องจราจร (ไป - กลับ ข้างละ 5 ช่องจราจร) แบ่งเป็นทางหลักข้างละ 3 ช่องจราจร กว้างช่องละ 3.50 เมตร ไหล่ทางด้านนอกกว้าง 2.5 เมตร ทางขนานข้างละ 2 ช่องจราจร กว้างช่องละ 3 เมตร ไหล่ทางด้านนอกกว้าง 2.5 เมตร ทางเท้ากว้างด้านละ 4.2 เมตร แบ่งทิศทางการจราจรด้วยกำแพงคอนกรีต งานก่อสร้างสะพานคู่ 6 แห่ง จุดกลับรถ งานติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่างบนทางหลวง งานก่อสร้างศาลาทางหลวง 21 แห่ง รวมงานติดตั้งอุปกรณ์เสริมความปลอดภัย และไฟสัญญาณจราจร ใช้งบประมาณ 896,934,789 บาท 

ทั้งนี้ ถนนสายนี้จะช่วยให้เกิดการขับเคลื่อนของเศรษฐกิจ สังคม คุณภาพชีวิตในภูมิภาคเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพิ่มศักยภาพความสามารถในการรองรับปริมาณการจราจรให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และช่วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุในการเดินทางให้กับผู้ใช้เส้นทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ