Think In Truth

'แม่นาค' เงื่อนไขต่อรองระหว่างศาสนาผี กับศาสนาพุทธ โดย: ฟอนต์ สีดำ



ตำนานผีแม่นาค เป็นเรื่องราวของผีตายท้องกลมที่เขย่าขวัญคนไทยให้ได้กล่าวขวัญกันยาวนาน จนมีผู้นำมาสร้างหนังออกฉายในมาหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งตำนานเขย่าขวัญ ผีแม่นาค เป็นเพียงเรื่องเล่าลือกันที่ไม่เกี่ยวหรือมีความสัมพันธ์อันใดกับศาสนาพุทธ แต่ก็มีความคล้องจองในความเชื่อของคนไทยที่มีพื้นฐานแห่งความเชื่อเกี่ยวกับศาสนาผี ที่นับคือพระอินทร์เป็นเทพสูงสุดในการเคารพบูชา

คงต้องย้อนความเพื่อทำความเข้าใจรื่องราวในอดีต ให้มีตรรกะทางความคิดให้ตรงกันก่อนว่า ก่อนพุทธกาลในดินแดนสยามหรือสุวรรณภูมิ มีความเชื่อทางศาสนาเพียงสองความเชื่อหลักๆ ความเชื่อศาสนาผี กับศาสนาพราหมณ์ที่นับถือพระพรหมเป็นเทพเจ้าสูงสุดในการเคารพ ศาสนาผีเป็นศาสนาที่มีอิทธิพลทางความคิดตามลุ่มแม่น้ำโขงด้านบนหรือที่เรียกกันว่าเสียมกุก(สยามโคก) หรือชาวแคว้นอินทรปัตย์ ส่วนศาสนาพราหมณ์จะมีอิทธพลตามลุ่มแม่น้ำโขงด้านล่างจนถึงปากน้ำที่เรียกกันว่าเสียมเรียบ(สยามลุ่ม)หรือที่รู้จักกันในนามขอม ทั้งสองกลุ่มนี้อยู่ด้วยกันแบบไม่มีอาณาเขต ไปมาหาสู่กันตามธรรมชาติ บางครั้งก็ขัดแย้งกัน บางครั้งก็ผูกพันเชิงเครือญาติ ดั่งที่จะเห็นในพื้นที่ต่างในภาคอีสานจะมีหลักฐานทางโบราณคดีที่เกี่ยวกับปราสาทขอม และพระธาตุที่เกี่ยวกับปู่ตา หรือตำนานต่างๆที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์กันเช่น ตำนานสังข์สินไซ ตำนานขุนลู นางอั้วเคี่ยม ตำนานนางไข่ฟ้า-หมาเก้าหาง ตำนานท้าวคันธนาม เป็นต้น

นาค (Naga) อยู่ในภาษาตระกูลอินโด-ยุโรป มีรากเดิมมาจากคำว่านอค (Nog) แปลว่าเปลือย, แก้ผ้า แล้วภาษาอังกฤษรับมาใช้ว่า Naked เป็นอันรู้แล้วว่านาคไม่ใช่คำไทย-ลาว และไม่ใช่คำมอญ-เขมร แต่ทั้งตระกูลไทย-ลาว กับมอญ-เขมร รับมาใช้ในความหมายว่างู เพราะงูเป็นสัตว์เปลือยไม่มีขนปกปิด แล้วสร้างจินตนาการเพิ่มเติมต่อมาว่าหัวหน้างู นาคในความหมายของความสัมพันธ์ของกลุ่มชน หมายถึงบุคคลอื่นที่ไม่ได้อยู่ในจารีตของกลุ่มชนของตน คือ ไม่มีวีถีทางวัฒนธรรมเดียวกับกลุ่มชนของตน จึงเรียกว่านาค เช่น กลุ่มเสียมกุก ที่นับถือผี จะเรียกกลุ่มคนที่มาจากลังกา(ศรีวิชัย)ก็จะเรียกว่านาค แต่ไม่เรียกขอมว่านาค เพราะมีความสัมพันธ์ที่ใใกล้ชิดกัน เข้าใจในวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน

ก่อนที่ดินแดนสุวรรณภูมิจะนับถือศาสนาพุทธ ศาสนาผีเข้าไปปกครองในดินแดนของขอมหรือพราหมณ์ ตามตำนานของสังข์สินไซ ที่สินไซได้ตามทวงน้าสาวเพื่อนำคืนนครเปงจาน(สันนิษฐานว่า เป็นจารึกหนึ่งที่ผนังกำแพงนครวัด ที่ระบุข้อความว่า “เนะ สฺยำกุก อฺนกฺ ราชการฺยฺย ภาค ปมญฺ เชง ฌาล ต นำ สฺยำ กุกฺ” จากข้อความ “ เชง ฌาล” ไม่มีใครที่จะแปลหรือหาข้อมูลได้ จึงมีคนตั้งสมมติฐานว่า เป็นนครเปงจาน ตามตำนานของ “สังข์ สินไซ” )และได้ฆ่าท้าวกุมพันซึ่งไปฉุดนางสุมณฑามาจากนครเปงจานตาย แต่นางสุมณฑาไม่ยอมกลับ เพราะมีบุตรสาวกับท้าวกุมพัน สังข์ สินไซจึงมอบให้นางสุมณฑาปกครองเมืองอโนราช(นครธม) และให้เมืองอโนราชเป็นเมืองในการดูแลของแคว้นอินทรปัตย์ นั่นคือชัยชนะของศาสนาผีที่อยู่เหนือศาสนาพราหมณ์

จนถึงยุคพระเจ้าสุโทธนะ ที่มีพระราชโอรสคือเจ้าชายสิทธัตถะ ซึ่งนครกบิลพัสดุ์เป็นเมืองที่นับถือศาสนาผี เพราะมีพิธีกรรมแรกนาขวัญ ซึ่งศาสนาผีจะนับถือ “มิ่ง” กับ “ขวัญ” แต่ก็ได้ไปขอบุตรสาวของเจ้าเมืองเทวทหะคือพระนางพิมพาโสธรามาสมรสเป็นมเหสี ซึ่งเมืองเทวทหะเป็นเมืองที่นับถือศาสนาพราหมณ์(สยาม) เป็นเมืองที่อยู่ชานเมืองพระนครซึ่งถูกปกครองด้วยกษัตริย์ผู้หญิงต่อเนื่องมา เมืองพระนครหรืออโนราชจึงนับถือศาสนาผี เมืองที่อยู่ชานพระนครก็จะนับถือศาสนาพราหมณ์

ความสัมพันธ์เชิงเครือญาติทั้งศาสนาผีและศาสนาพราหมณ์ย่อมเป็นไปด้วยความไม่ราบรื่น เจ้าชายสิทธัตถะจึงออกผนวชเพื่อแสวงหาหนทางพ้นทุกข์ อาจารย์ที่เจ้าชายสิทธัตถะไปศึกษาเล่าเรียนส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาจารย์ในศาสนาพราหมณ์ เจ้าชายสิทธัตถะจึงไม่สามารถค้นหาหนทางพ้นทุกข์ได้ จนต้องทบทวนด้วยต้นเองด้วยการสังเคราะห์ความคิดจนเกิดปัญญาที่เป็นอริยสัจสี่ ที่แตกต่างไปจากความเชื่อในศาสนาผี และศาสนาพราหมณ์ นั่นคือที่มาของศาสนาพุทธ ที่เกิดจากการบูรณาการทางความเชื่อทั้งสองศาสนามาเป็นความจริงที่เป็นอริยสัจ ซึ่งเป็นทางสายกลางระหว่างความเชื่อของศาสนาผี และ ศาสนาพราหมณ์ ในการเผยแผ่พระพทธศาสนา จึงมุ่งไปเผยแผ่นยัง “ปัญจวัคคีย์” หรือหมู่คนใน 5 คุณลักษณะ คือ โกณฑัญญะ หรือหมู่คนที่ไฝ่รู้ไฝ่เรียน วัปปะ หรือหมู่คนที่ถ่ายทอดวิทยาการ ภัทธิญะ หรือหมู่คนที่เป็นผู้ชาย มหานามะ หรือหมู่คนที่นำสัจะน้อมเข้าสู่ตน และอัสสชิ หรือหมู่คนที่ประพฤติดีประพฤติชอบด้วยกาย วาจา และใจ หากจะวิเคราะห์จากคุณลักษณะของหมู่คนทั้งห้าแล้ว บุคคลที่จะบวชในพระพุทธศาสนาต้องเป็นผู้ชาย จึงเกิดปัญหากับการเมืองการปกครองในเมืองที่นับถือศาสนาผีมาก ความกังวลของความมั่นคงในอำนาจการปกครองของกษัตริย์ที่เป็นผู้หญิง จึงเกิดความหวงแหนในบุตรชายที่จะบวชในพระพุทธศาสนา ซึ่งจะขัดต่อความนิยมของสังคมก็ไม่ได้

การต่อรองในการนำบุตรชายไปบวชในพระพุทธศาสนาจึงเกิดขึ้นกับฝ่ายนับถือผี จึงขอทำพิธีบวชนาค และสู่ขวัญนาคการ คำว่า “นาค” ในที่นี้หมายถึงผู้ชายที่ยังไม่ได้รับศีล หรือเปลือยในทางศีลของพระพุทธศาสนานั่นเอง แม่ของชายที่จะบวชในพุทธศาสนา จึงเรียกว่า “แม่นาค” ซึ่งมีอิทธิพลต่อพระพุทธศาสนาตั้งแต่บัตรนั้นเป็นต้นมา

ความสัมพันธ์ของแม่นาค ที่มีต่อศาสนาพุทธ นั้นมีความสัมพันธ์เชิงแนวคิดแห่งความเชื่อที่สอดคล้องกัน ดังนี้

1. ความเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย: ในศาสนาพุทธมีความเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย และการเกิดใหม่ ซึ่งตำนานแม่นาคก็แสดงให้เห็นถึงการเกิดใหม่ของแม่นาคหลังจากที่เธอเสียชีวิต

การเกิดใหม่: ในศาสนาพุทธมีความเชื่อเรื่องการเกิดใหม่ ซึ่งหมายถึงการเกิดใหม่ของจิตวิญญาณหลังจากที่ร่างกายตายไป การเกิดใหม่นี้ไม่ใช่การเกิดใหม่ของบุคคลเดิม แต่เป็นการเกิดใหม่ของจิตวิญญาณที่มีลักษณะและคุณสมบัติใหม่ๆ

วัฏสงสาร: วัฏสงสารเป็นวงจรของการเกิด ตาย และเกิดใหม่ ซึ่งเป็นผลมาจากการกระทำของบุคคลในชาติก่อนๆ การกระทำที่ดีจะนำไปสู่การเกิดใหม่ในภพที่ดี ในขณะที่การกระทำที่ชั่วจะนำไปสู่การเกิดใหม่ในภพที่ชั่ว

ปีติและวิญญาณ: ในศาสนาพุทธมีความเชื่อเรื่องปีติและวิญญาณ ปีติเป็นพลังที่เกิดจากความรักและความผูกพัน ในขณะที่วิญญาณเป็นจิตวิญญาณที่มีชีวิตหลังความตาย

การกลับมาชีวิตของแม่นาค: ในตำนานแม่นาค แม่นาคกลับมาชีวิตหลังจากที่เธอเสียชีวิตเนื่องจากความรักที่เธอมีต่อลูกชายของเธอ การกลับมาชีวิตของแม่นาคเป็นตัวอย่างของการเกิดใหม่ของจิตวิญญาณและผลกระทบของปีติและวิญญาณ

2. ความสำคัญของการบวช: ในศาสนาพุทธ การบวชเป็นพระภิกษุถือเป็นหนึ่งในวิธีการปฏิบัติธรรมและหลุดพ้นจากวงจรของการเกิดและตาย ตำนานแม่นาคแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการบวชและความผูกพันของแม่นาคกับลูกชายของเธอ

การหลุดพ้นจากวงจรของการเกิดและตาย: การบวชเป็นพระภิกษุถือเป็นหนึ่งในวิธีการปฏิบัติธรรมและหลุดพ้นจากวงจรของการเกิดและตาย ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักการสำคัญของศาสนาพุทธ

การปฏิบัติธรรม: การบวชเป็นพระภิกษุเป็นโอกาสในการปฏิบัติธรรมและพัฒนาตนเองให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยการปฏิบัติธรรมจะช่วยให้พระภิกษุหลุดพ้นจากความทุกข์และบรรลุถึงความหลุดพ้น

การแสดงความรักและความผูกพัน: ในตำนานแม่นาค การบวชของลูกชายของแม่นาคเป็นการแสดงความรักและความผูกพันของแม่นาคต่อลูกชายของเธอ แม่นาคไม่ต้องการให้ลูกชายของเธอจากไปบวชเป็นพระภิกษุ เนื่องจากเธอไม่ต้องการให้ลูกชายของเธอจากไป

การยอมรับและปล่อยวาง: การบวชของลูกชายของแม่นาคยังเป็นการยอมรับและปล่อยวางของแม่นาคต่อลูกชายของเธอ แม่นาคต้องยอมรับว่าลูกชายของเธอจะต้องจากไปบวชเป็นพระภิกษุ และเธอต้องปล่อยวางความรักที่เธอมีต่อลูกชายของเธอ

การบรรลุถึงความหลุดพ้น: ในที่สุด การบวชของลูกชายของแม่นาคเป็นโอกาสให้แม่นาคบรรลุถึงความหลุดพ้น แม่นาคต้องเผชิญกับความทุกข์และความเจ็บปวด แต่ในที่สุด เธอก็สามารถบรรลุถึงความหลุดพ้นและหลุดพ้นจากวงจรของการเกิดและตายได้

3. ความเชื่อเรื่องปีศาจและวิญญาณ: ในศาสนาพุทธมีความเชื่อเรื่องปีศาจและวิญญาณ ซึ่งตำนานแม่นาคก็แสดงให้เห็นถึงการกลับมาชีวิตของแม่นาคในฐานะวิญญาณ

การกลับมาชีวิตของแม่นาค: ในตำนานแม่นาค แม่นาคกลับมาชีวิตหลังจากที่เธอเสียชีวิตเนื่องจากความรักที่เธอมีต่อลูกชายของเธอ การกลับมาชีวิตของแม่นาคเป็นตัวอย่างของการเกิดใหม่ของจิตวิญญาณและผลกระทบของปีติและวิญญาณ

ปีศาจและวิญญาณ: ในศาสนาพุทธ ปีศาจและวิญญาณถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่มีชีวิตหลังความตาย ปีศาจเป็นสิ่งที่มีพลังชั่วร้าย ในขณะที่วิญญาณเป็นจิตวิญญาณที่มีชีวิตหลังความตาย

การผูกพันของแม่นาคกับลูกชาย: ความรักที่แม่นาคมีต่อลูกชายของเธอเป็นตัวอย่างของปีติและวิญญาณที่มีพลังผูกพันแม่นาคกับลูกชายของเธอ แม่นาคไม่สามารถจากไปได้เนื่องจากความรักที่เธอมีต่อลูกชายของเธอ

การแสดงถึงความไม่แน่นอนของชีวิต: ตำนานแม่นาคแสดงถึงความไม่แน่นอนของชีวิตและความตาย แม่นาคกลับมาชีวิตหลังจากที่เธอเสียชีวิต และเธอต้องเผชิญกับความทุกข์และความเจ็บปวด

การบรรลุถึงความหลุดพ้น: ในที่สุด แม่นาคสามารถบรรลุถึงความหลุดพ้นและหลุดพ้นจากวงจรของการเกิดและตายได้ การบรรลุถึงความหลุดพ้นของแม่นาคเป็นตัวอย่างของการหลุดพ้นจากปีศาจและวิญญาณที่มีพลังผูกพัน

4. การสอนเรื่องความไม่แน่นอน: ตำนานแม่นาคยังสอนเรื่องความไม่แน่นอนของชีวิตและความตาย ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักการสำคัญของศาสนาพุทธ

การผสมผสานความเชื่อ: ในประเทศไทย ศาสนาผีและศาสนาพุทธมีการผสมผสานความเชื่อและปฏิบัติเข้าด้วยกัน แม่นาคและนาคที่กำลังจะบวชเป็นพระภิกษุก็แสดงให้เห็นถึงการผสมผสานความเชื่อนี้ เช่น การบูชาผีและวิญญาณพร้อมกับการปฏิบัติธรรมตามหลักศาสนาพุทธ

การเคารพและบูชา: ในศาสนาผี ผู้คนมักจะเคารพและบูชาผีและวิญญาณ เช่น แม่นาค ในขณะที่ในศาสนาพุทธ ผู้คนมักจะเคารพและบูชาพระพุทธเจ้าและพระภิกษุ เช่น นาคที่กำลังจะบวชเป็นพระภิกษุ

การปฏิบัติธรรม: ในศาสนาพุทธ การปฏิบัติธรรมเป็นหนึ่งในหลักการสำคัญของศาสนา นาคที่กำลังจะบวชเป็นพระภิกษุก็แสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติธรรมนี้ เช่น การบวชเป็นพระภิกษุและการปฏิบัติธรรมตามหลักศาสนาพุทธ

การหลุดพ้นจากวงจรของการเกิดและตาย: ในศาสนาพุทธ การหลุดพ้นจากวงจรของการเกิดและตายเป็นหนึ่งในหลักการสำคัญของศาสนา แม่นาคและนาคที่กำลังจะบวชเป็นพระภิกษุก็แสดงให้เห็นถึงการหลุดพ้นจากวงจรของการเกิดและตายนี้ เช่น การกลับมาชีวิตของแม่นาคและ การบวชเป็นพระภิกษุของนาค

ความสัมพันธ์ของพุทธศาสนากับความเชื่อในศาสนาพราหมณ์สยามและศาสนาผีจึงมีร่องรอยให้ได้ศึกษาและเชื่อมโยงถึงความสัมพันธ์ได้อย่างน่าสนใจ เช่น หลักธรรมในพรหมวิหารสี่ ที่ประกอบด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา ซึ่งเป็นหลักธรรมที่อ้างอิงพระพรหมที่จะยอมสถิตย์ในร่างของบุคคลที่มีองค์ประกอบทั้งสี่ ที่จะทำให้เกิดความเคารพนับถือต่อบุคคลอื่น หรือแม้แต่ในบทสวดชุมนุมเทวดาก็ตาม ก็ยังเป็นการอัญเชิญเทวดาในศาสนาผี คือพระอิทร์ และเทวดาในศาสนาพราหมณ์(สยาม) คือพระพรหมเท่านั้นในการเข้าฟังพระธรรมเทศนาจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังนั้นจึงอนุมาณได้ว่าพระพุทธศาสนา มีความสัมพันธ์กับศาสนาพราหมณ์และศาสนาผีอย่างแน่นแฟ้น และหลักธรรมในพุทธศาสนาจึงมีพื้นฐานมาจากศาสนาพราหมณ์และศาสนาผี