In News
นายกฯลงทัวร์อีสานเหนือก่อนครม.สัญจร ดูน้ำหนองหาร-นาหว้าโมเดล-ยาฯริมโขง

สกลนคร/นครพนม-นายกฯ ติดตามสถานการณ์น้ำ หนองหาร สกลฯ บึงใหญ่อันดับ 2 ของประเทศเตรียมความพร้อมก่อนเข้าหน้าฝน สั่งการเน้นแผนพัฒนาฯ พร้อมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์บริหารจัดการและส่งเสริมท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ครม.สัญจร อีสานตอนบนคึกคัก หลังจากนั้นนายกฯลงพื้นที่ติดตาม“นาหว้าโมเดลนครพนม“ตามแนวพระราชดำริ มั่นใจ ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นสามารถทำเป็นอุตสาหกรรมในทุกมิติได้ และนายกฯย้ำมาตรการ Seal Stop Safe ต้องทำอย่างต่อเนื่อง พร้อมผนึกกำลังทุกภาคส่วนป้องกันยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน เผยผลการดำเนินงานปี 68 ประสบความสำเร็จในการสกัดกั้นทำยาเสพติดน้อยลง เน้นย้ำต้องปลูกฝังความรู้ในสถาบันการศึกษา
นายกฯติดตามดสถานการณ์น้ำหนองหาร สกลนคร
วันนี้ (28 เมษายน 2568) เวลา 10.30 น. ณ สวนสาธารณะดอนเกิน ตำบลท่าแร่ อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าในการขับเคลื่อนแผนพัฒนาและฟื้นฟูพื้นที่บึงหนองหาร และการบริหารจัดการน้ำ โดยมีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชูศักดิ์ รู้ยิ่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายกรัฐมนตรีรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำหนองหาร จากนายชูศักดิ์ รู้ยิ่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร โดยการบริหารจัดการน้ำในหนองหาร จังหวัดสกลนคร มีคณะทำงานบริหารจัดการน้ำ ซึ่งมีกรมชลประทานและกรมประมงเป็นฝ่ายเลขานุการร่วมกันบริหารจัดการน้ำให้เป็นไปตามเกณฑ์การควบคุมน้ำ (Rule Curve) ของกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำและน้ำท่วมในเขตชุมชนรอบหนองหาร โดยเฉพาะเทศบาลนครสกลนคร หากมีปริมาณน้ำมากจะตัดยอดน้ำผ่านร่องช้างเผือกในอัตรา 45 ลบ.ม.ต่อวินาที
จากนั้น นายกรัฐมนตรีรับฟังบรรยายแผนพัฒนาหนองหาร จังหวัดสกลนคร ระยะเวลา 10 ปี (พ.ศ. 2563–2572) จากเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ โดยแผนดังกล่าวครอบคลุม 5 ด้าน ได้แก่ 1) การจัดการน้ำอุปโภคบริโภค 2) ความมั่นคงด้านน้ำเพื่อการเกษตร 3) การจัดการน้ำท่วมและอุทกภัย 4) การจัดการคุณภาพน้ำและอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ และ 5) การบริหารจัดการ
โดยนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนแผนพัฒนาและฟื้นฟูพื้นที่หนองหารและการจัดการน้ำ ซึ่งแผนดังกล่าว จะเป็นแผนยุทธศาสตร์และโครงการสำคัญในการรองรับน้ำหลากในฤดูฝน และกักเก็บน้ำฤดูแล้ง และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติได้ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้ติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างและปรับภูมิทัศน์พุทธอุทยานหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต รวมถึงโครงการจากภาคเอกชน อาทิ โครงการก่อสร้างสะพานทางเดิน-วิ่ง และเส้นทางจักรยานรอบหนองหาร โครงการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวแบบครบวงจรทะเลสาบหนองหาร และโครงการอุทยานหนองหารเฉลิมพระเกียรติสู่เวชศาสตร์การเกษตรและชีวนวัตกรรมสร้างสรรค์
สำหรับ หนองหาร จังหวัดสกลนครเป็นบึงน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีลำน้ำไหลเข้าจากรอบทิศ 21 สาย ครอบคลุมพื้นที่กว่า 76,322 ไร่ หรือ 123 ตารางกิโลเมตร โดยมีพื้นที่ได้รับประโยชน์รวมทั้งสิ้น 1,044,375 ไร่ ครอบคลุม 33 ตำบล ได้แก่ จังหวัดสกลนคร 13 ตำบล และจังหวัดนครพนม 20 ตำบล มีประชากรที่ใช้ประโยชน์จากหนองหาร จำนวน 240,327 คน หรือ 80,750 ครัวเรือน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ทักทายประชาชนที่มารอต้อนรับอย่างอบอุ่น และเยี่ยมชมบูธสินค้า OTOP พื้นที่ อาทิ กลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์จากผักตบชวา “โคขุนโพนยางคำ”ต้นตำรับโคขุนแห่งแรกของไทย และผลิตภัณฑ์ไวน์หมากเม่า สินค้าเด่นของจังหวัด ก่อนเดินทางต่อไปยังศูนย์หัตถกรรมวัดธาตุประสิทธิ์ ตำบลนาหว้า อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม
นายกฯลงพื้นที่ติดตาม“นาหว้าโมเดลนครพนม“
เวลา 13.30 น. ณ ศูนย์หัตถกรรมวัดธาตุประสิทธิ์ อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมศูนย์หัตถกรรมวัดธาตุประสิทธิ์ " นาหว้าโมเดล" ตามแนวพระราชดำริ "Sustainable Fashion : แฟชั่นแห่งความยั่งยืน" โดยมีนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมด้วย
คณะนางรำลูกพระธาตุ แต่งกายด้วยชุด “ผ้ามุกนครพนม“ ซึ่งเป็นผ้าท้องถิ่น เป็นลายผ้าเอกลักษณ์ ประจำจังหวัดนครพนมให้การต้อนรับ พร้อมมอบผ้าขาวม้าลวดลายตราใหญ่ ย้อมสีครามธรรมชาติ ของกลุ่มนาหว้าโมเดล ให้นายกรัฐมนตรีในการเดินทางมาลงพื้นที่ตรวจราชการในครั้งนี้ ซึ่งถือว่าเป็นการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ตามนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ของรัฐบาล รวมทั้งเป็นการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมของจังหวัดนครพนม ทั้งในรูปแบบหนึ่งผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบล หรือOTOP ในแต่ละพื้นที่อีกด้วย
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้สักการะพระธาตุประสิทธิ์ ซึ่งเป็นพระธาตุประจำวันคนเกิดวันพฤหัสบดี ซึ่งตรงกับวันเกิดของนายกรัฐมนตรีวัน พฤหัสบดี ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2529 โดยมีความเชื่อกันว่าผู้ที่ได้ไปนมัสการพระธาตุประสิทธิ์จะได้รับอานิสงส์ให้มีผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติงาน พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีเข้ากราบนมัสการพระมหาสมัคร วรปุณฺโณ ป.ธ.9 รองเจ้าคณะจังหวัดนครพนม รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดธาตุประสิทธิ์ เพื่อความเป็นสิริมงคล
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้พบปะประชาชน พร้อมกล่าวชื่นชม ชาวนาหว้าที่สวมใส่ชุดผ้าท้องถิ่นอย่างสวยงามมารอต้อนรับอย่างอบอุ่น ซึ่งชุมชนนาหว้า ถือเป็นต้นแบบของการสืบสานโครงการผ้าพื้นบ้าน เป็นโครงการที่ช่วยเหลือประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง และเป็นโครงการที่ได้สืบสานต่อยอดโครงการของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทำให้พี่น้องประชาชนได้รับประโยชน์ อย่างต่อเนื่องจนมาถึงปัจจุบัน ในฐานะนายกรัฐมนตรี ในนามของรัฐบาลพร้อมจะสนับสนุน โครงการต่าง ๆ ที่จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน
"วันนี้ ดีใจมาก ๆ ที่ได้มาเจอกับพี่น้องประชาชน ครั้งนี้มาเพื่อประชุม ครม.สัญจร ที่จังหวัดนครพนม เมื่อเช้าได้พบปะประชาชนที่จังหวัดสกลนคร ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน และขอยืนยันว่า รัฐบาลจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และในโอกาสนี้ ขอให้อวยพรให้ทุกท่านมีความสุข ความแข็งแรง สมปรารถนา” นายกรัฐมนตรี กล่าว
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมบูธสินค้า OTOP ของชุมชนนาหว้า อาทิ จักสานต้นคล้า บ้านอูนนา และผ้าย้อมคราม กลุ่มทอผ้าพื้นเมืองและปลูกหม่อนเลี้ยงไหม วัดศรีบุญเรือง โดยนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมสนับสนุนสินค้าภายในโครงการ นาหว้าโมเดลด้วย
นายกฯย้ำมาตรการSeal Stop Safeสกัดกั้นเสพติดชายแดน
เวลา 15.10 น. ณ หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงนครพนม ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามการแก้ไขปัญหายาเสพติดข้ามแดนในพื้นที่ โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พลเอก สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พลตํารวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม และผู้บริหารหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมด้วย
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รับฟังผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวรายงาน แผนปฏิบัติการสกัดกั้นยาเสพติดและปราบปรามตามมาตรการ “Seal Stop Safe” โดยผนึกกำลัง 51 อำเภอชายแดน และโครงการแก้ไขปัญหายาเสพติด เพื่อทำให้พี่น้องประชาชนมีความสุข ตามต้นแบบธวัชบุรีโมเดล พร้อมรับชมวีดิทัศน์ผลการดำเนินการโครงการแก้ไขปัญหาพื้นที่จังหวัดนครพนม
จากนั้น แม่ทัพภาคที่ 2 และผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 24 (นบ.ยส. 24) ได้สรุปผลการสกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปิดล้อมตรวจค้น จับกุม ตั้งแต่ 1 ต.ค.67 จนถึงปัจจุบัน รวมมูลค่าทั้งสิ้น 7,171,815,610 บาท ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับผลการดำเนินงานตลอดปีงบประมาณที่ผ่านมา ในปี 2568 (1 ต.ค 67 - เม.ย.68) สามารถตรวจยึดจับกุมยาบ้าได้ 104,955,437 เม็ด เพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 332.04 หรือ 3.3 เท่า เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ ส่วนยาไอซ์ ในปี 2568 (1 ต.ค 67 - เม.ย.68) สามารถตรวจยึดจับกุมยาไอซ์ได้ 4,084 กก. เพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 8,068 หรือ 80 เท่า เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ กลไกการขับเคลื่อน นบ.ยส. 24 ในส่วนด่านสกัดกั้นและปราบปราม ได้ร่วมกับส่วนราชการภายในจังหวัด ทั้ง 20 จังหวัด ขับเคลื่อน 6 มาตรการตามนโยบายของรัฐบาล ได้แก่ 1) มาตรการสกัดกั้น 2) มาตรการประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน 3)มาตรการบูรณาการ 4)มาตรการปราบปราม 5)มาตรการป้องกัน และ 6)มาตรการบำบัดรักษา
โดยผลการดำเนินงานการคัดกรอง Re X-ray ประชากรกลุ่ม ทร.14 จำนวน 551,645 คน ซึ่งเป็นประชากรอายุ 12 - 65 ปี ที่อาศัยอยู่จริง จำนวน 327,432 คน พบการคัดกรองสะสมจำนวน 275,483 คน คิดเป็นร้อยละ 84.13 พบผู้เสพยาเสพติดจำนวน 6,220 คน คิดเป็นร้อยละ 2.25 และไม่พบผู้เสพจำนวน 269,263 คน คิดเป็นร้อยละ 97.75
ด้านเลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวถึงการสนับสนุน นบ.ยส.24 ว่า สถานการณ์การสกัดกั้นยาเสพติดที่ดำเนินการอย่างเข้มข้น สามารถจับกุมผู้กระทำผิดตามแนวชายแดนได้อย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นของมาตรการสกัดกั้นยาเสพติด สำหรับสถานการณ์ผู้ป่วยจิตเวชจากการใช้ยาเสพติด พบว่าในปีงบประมาณ 2567 มีรายงานข่าว จำนวน 670 ข่าว ขณะที่ในปีงบประมาณ 2568 (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568) มีรายงานข่าวเพียง 87 ข่าว เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลระหว่างสองปีดังกล่าว พบว่า มีแนวโน้มลดลงอย่างเห็นได้ชัด และสิ่งสำคัญของมาตรการสกัดกั้นยาเสพติดที่เข้มข้น จากการสอบถามในพื้นที่แนวชายแดน พบว่ายาเสพติด โดยเฉพาะ “ยาบ้า” มีราคาสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด (อยู่ที่เม็ดละ 40-100 บาท) และหาซื้อได้ยากขึ้น ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สะท้อนถึงผลสัมฤทธิ์ของการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดที่ดำเนินการต่อเนื่องและประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ภายหลังรับฟังผลการสรุปสถานการณ์การแก้ไขปัญหายาเสพติดข้ามแดนในพื้นที่ นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานที่บูรณาการความร่วมมือ ป้องกัน สกัดกั้น และปราบปรามอย่างจริงจัง จนเกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งวัดจากหลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องราคายาเสพติด
“จากเมื่อตอนลงพื้นที่หาเสียงเมื่อสองปีที่แล้ว พบว่าราคายาบ้า มีราคาเม็ดละ 5 - 20 บาท ถือเป็นราคาที่ถูกมาก และจากที่รับฟังรายงานจากเลขาธิการ ปปส. ระบุว่าราคายาบ้าตอนนี้ อยู่ที่ 40 -100 บาทต่อเม็ด ถือว่าเป็นราคาที่เพิ่มขึ้นจากเดิม และหาซื้อยากขึ้น ผลลัพธ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหานี้” นายกรัฐมนตรี ระบุ
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า จากการได้หารือกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด ทราบว่าการขนส่งมีหลายรูปแบบมากยิ่งขึ้น ขอให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องเตรียมรับมือในเรื่องนี้ รวมถึงให้ความสำคัญกับการจัดหาอุปกรณ์เสริมที่จำเป็นและมีประสิทธิภาพสำหรับการตรวจเอ็กซเรย์และสแกน เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและสกัดกั้น ไม่ให้ยาเสพติดเล็ดลอดเข้าสู่ชุมชน
“สิ่งสำคัญที่ต้องให้ความสำคัญควบคู่กันไป คือด้านการศึกษา เนื่องจากปัจจุบัน ยาเสพติดมีรูปแบบแปลกใหม่ ทำให้เด็กสามารถเข้าถึงได้ง่าย ทำให้เยาวชนเกิดความอยากทดลอง ดังนั้น สถาบันการศึกษาต่าง ๆ จำเป็นต้องปลูกฝังเรื่องความร้ายแรงของยาเสพติด และต้องขยายผลให้เยาวชนทราบอย่างทั่วถึง ทั้งนี้ ขอให้ทุกหน่วยงานให้โอกาสให้แก่ผู้ติดยาเสพติด (ผู้ป่วย) เพื่อให้สามารถกลับคืนเข้าสู่สังคมได้ เพราะทุกคนต้องการโอกาส ไม่ว่าจะพลาดน้อยหรือมาก ส่วนของเจ้าหน้าที่ที่ดูในเรื่องของการบำบัดรักษาและดูแล ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการอบรมเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในด้านนี้ เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจในการรับมือกับผู้เสพยาเสพติด ทั้งในด้านการสร้างความอดทน การให้กำลังใจ และการพัฒนาทักษะการดูแลผู้ป่วยอย่างเหมาะสม” นายกรัฐมนตรี ย้ำ