Think In Truth

พุทธชะตาตามช่วงเวลา: รำลึกวิสาขบูชา ระบุชี้พุทธอุบัติ  โดย : ฟอนต์ สีดำ



ในวาระอันเป็นมิ่งมหามงคลแห่งวันวิสาขบูชา ปีพุทธศักราช ๒๕๖๘ ขอนำท่านผู้อ่านร่วมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณอันไพศาลแห่งพระบรมศาสดา ผ่านมุมมองหนึ่งที่หาได้ยากยิ่ง คือ “ดวงพระพุทธชะตา” - ซึ่งแม้มิได้จารึกไว้ในพระไตรปิฎกหรืออรรถกถาใด ๆ หากแต่สืบทอดมาในแนวทางของโหราจารย์ไทย ที่พากเพียรไขรหัสแห่งดาราศาสตร์ เพื่อลำดับวันเวลาอันสำคัญที่สุดในพุทธประวัติ ได้แก่ การประสูติ ตรัสรู้ และดับขันธปรินิพพาน แม้จะมิใช่หลักฐานแห่งพระธรรมวินัย แต่ความพยายามในการประมวลองค์ประกอบของฟ้าดินในยามแห่งการบังเกิดพระพุทธองค์ ย่อมเป็นความศรัทธาที่เสริมสร้างมิติแห่งความเข้าใจ และชวนให้เราตั้งคำถามต่อความรู้ที่เราเคยเรียนรู้มาแต่เยาว์วัย ว่า “ในค่ำเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖” นั้น พระพุทธเจ้าเสด็จมาประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ในห้วงเวลาใดกันแน่?

ดวงพระพุทธชะตา: กำเนิดเหนือสามัญ

ดวงพระชะตาแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถูกจำแนกเป็นสามช่วงยิ่งใหญ่ คือ ดวงประสูติ ดวงตรัสรู้ และดวงปรินิพพาน ซึ่งต่างก็มีนัยยะลึกซึ้งและข้อมูลที่โหราจารย์จำแนกไว้อย่างละเอียด ในด้านหนึ่ง นับเป็นการวิเคราะห์จากหลักโหราศาสตร์ผสานกับจารึก และพงศาวดารเก่าทั้งของไทยและพม่า

ในส่วนของ “ดวงประสูติ” โหราจารย์ผู้ชื่อหลวงอรรถวาทีธรรมประวรรต (วิเชียร จันทร์หอม) ได้คำนวณไว้ว่า พระพุทธเจ้าทรงประสูติในวันพุธ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ ตรงกับวันที่ ๑๘ พฤษภาคม แห่งอัญชันศักราช ๖๘ เวลา ๑๑.๐๐ นาฬิกา ซึ่งสอดคล้องกับบทคาถาในคัมภีร์กถาวัตถุที่ระบุพระดำรัสแรกของพระองค์ไว้ว่า:

อาสกิญจํ วาจํ ภาสติ อคฺโคหมฺสมิ โลกสฺมึ เชฏฺโฐหมฺสมิ โลกสฺมึ เสฏฺโฐหมฺสมิ โลกสฺมึ อยมนฺติมา ชาติ นตฺถิทานิ ปุนพฺภโวติ

แปลความ: “เราเป็นผู้เลิศในโลก เป็นผู้เจริญที่สุดในโลก เป็นผู้ประเสริฐที่สุดในโลก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย บัดนี้ ภพใหม่จะไม่มีอีกแล้ว”

การกำหนดเวลาประสูตินี้ ยังช่วยให้สามารถวิเคราะห์การเคลื่อนขบวนของพระนางสิริมหามายาเทวีได้อย่างมีเหตุผล หากพระองค์เสด็จออกจากกรุงกบิลพัสดุ์ในช่วงเช้าหลังเสวยพระกระยาหารประมาณเวลา ๘.๐๐ นาฬิกา และเคลื่อนขบวนอย่างช้า ๆ ด้วยพระวอทอง ความเร็ว ๖–๘ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็จะใช้เวลาเพียง ๓ ชั่วโมงเท่านั้น กว่าจะถึงสวนลุมพินี ณ ที่ประสูติ

ดวงตรัสรู้: แห่งอรุณรุ่งก่อนแสงแรก

น้อยคนนักจะทราบว่า การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้านั้นเกิดขึ้นในยามปัจฉิม — หรือยามเช้ามืด — แต่การคำนวณจากดวงพระชะตากลับระบุไว้อย่างชัดเจนว่า เป็นเวลา ๐๕.๓๗ นาฬิกา แห่งวันเพ็ญเดือนหก ที่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา

การรู้เวลานี้มิใช่เพียงเพื่อการจดจำเชิงพิธีกรรม หากแต่ชี้ถึงความละเอียดลึกซึ้งของการเก็บบันทึกและการวิเคราะห์ในโหราศาสตร์ ที่พยายาม “จำลองฟ้าดิน” ให้สะท้อนปรากฏการณ์แห่งพุทธะ ซึ่งเหนือธรรมดา แต่ไม่อาจปฏิเสธกฎแห่งเหตุและผล

ดวงปรินิพพาน: วาระสุดท้ายแห่งกายเนื้อ

ในยามสุดท้ายแห่งพระชนมชีพ พระพุทธเจ้าดับขันธปรินิพพานในยามอรุณเช่นกัน เวลา ๐๕.๕๐ นาฬิกา ณ สาลวโนแห่งมัลลรัฐ ตามบันทึกของโหราจารย์

ที่น่าสนใจคือ ในขณะนั้นโลกยังมิรู้จักคำว่า “พุทธศักราช” ดังนั้นจึงมีการใช้ “อัญชันศักราช” หรือ “อัญชนะศักราช” ซึ่งตั้งขึ้นตามพระนามของพระเจ้าอัญชนะ — พระเจ้าตาของพระพุทธองค์ — โดยหลักฐานดังกล่าวยังปรากฏในเอกสารพงศาวดารไทยและพม่า ชี้ให้เห็นว่า ผู้คนในดินแดนแถบนี้มิได้เป็นเพียงผู้รับศาสนา หากแต่เป็นผู้จดจำแม่นยำแม้กระทั่ง “ชั่วโมงและนาที” แห่งพระนิพพาน

วันวิสาขบูชา เป็นวันสำคัญสูงสุดของชาวพุทธทั่วโลก ซึ่งองค์การสหประชาชาติได้ประกาศรับรองให้เป็นวันสำคัญสากล เนื่องด้วยเหตุการณ์สำคัญสามประการในพระพุทธศาสนา คือ การประสูติ, การตรัสรู้, และ การปรินิพพาน ของพระพุทธเจ้า ซึ่งล้วนเกิดขึ้นในวันเพ็ญเดือนหก หรือ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี เรียกการบูชาในวันนี้ว่า "วิสาขบูชา" หรือ "วิสาขปุรณมีบูชา" หมายถึงการบูชาในวันเพ็ญแห่งเดือนวิสาขะหรือเดือนหก

สามเหตุการณ์สำคัญทางพระพุทธศาสนา

  1. การประสูติ – เจ้าชายสิทธัตถะ โอรสแห่งกษัตริย์สุทโธทนะ และพระนางสิริมหามายา ประสูติใต้ต้นสาละในสวนลุมพินี ประเทศเนปาล เมื่อวันศุกร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีจอ ก่อนพุทธศักราช 80 ปี โดยเชื่อว่าทรงประสูติแบบ “โอปปาติกะ” คือไม่ผ่านครรภ์ และทันทีที่ประสูติก็สามารถเดินได้ 7 ก้าว พร้อมตรัสว่า “เราจะไม่เกิดอีกต่อไป”
  2. การตรัสรู้ – เจ้าชายสิทธัตถะทรงออกผนวชเพื่อแสวงหาทางพ้นทุกข์ ทรงบำเพ็ญเพียรเป็นเวลา 6 ปี จนกระทั่งตรัสรู้ ณ ใต้ต้นโพธิ์ เมืองพุทธคยา ประเทศอินเดีย ในวันเพ็ญเดือน 6 ปีพุทธศักราช 35 โดยทรงค้นพบ "อริยสัจ 4" และ "มัชฌิมาปฏิปทา"
  3. การปรินิพพาน – หลังจากทรงประกาศธรรมเป็นเวลา 45 ปี พระพุทธเจ้าทรงเสด็จดับขันธปรินิพพาน ณ เมืองกุสินารา ประเทศอินเดีย ในวันเพ็ญเดือน 6 ปีพุทธศักราช 80

สิ่งที่น่าสังเกตคือ เหตุการณ์ทั้งสามแม้จะเกิดในวันเพ็ญเดือนหกเหมือนกัน แต่สถานที่ตามพระไตรปิฎกนั้นอยู่ในอินเดียและเนปาล ซึ่งเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ที่พระจันทร์เต็มดวงในประเทศไทย กลับไม่ตรงกันในทางดาราศาสตร์ ที่ทั้งในอินเดียและเนปาลมีพระจันทร์ไม่เต็มดวงในวันวิสาขบูชา

วิเคราะห์ด้วยหลักวิทยาศาสตร์

ดวงจันทร์โคจรรอบโลกทุก 27.3 วัน (ประมาณ 655.2 ชั่วโมง) หรือ 13.2 องศาต่อวัน เท่ากับระยะทางเฉลี่ย 1,603.5 กิโลเมตรต่อวัน ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งบนโลกส่งผลต่อระยะเวลาการเห็นพระจันทร์เต็มดวงในแต่ละพื้นที่

การเปรียบเทียบพิกัดตำแหน่งของเหตุการณ์ทั้งสามกับพุทธมณฑล จ.นครปฐม ซึ่งเป็นจุดอ้างอิงในประเทศไทย พบว่าทั้งลุมพินี, พุทธคยา และกุสินารา อยู่ห่างจากพุทธมณฑลราว 1,972 – 1,988 กิโลเมตร หรือเวลาห่างประมาณ 29.5–29.8 ชั่วโมง ซึ่งหมายความว่า ณ ขณะที่ประเทศไทยเห็นพระจันทร์เต็มดวงในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 นั้น สถานที่ตามพระไตรปิฎกจะเห็นเป็นขึ้น 13 ค่ำ ค่อนๆ ไป 14 ค่ำ ยังไม่ถึงเพ็ญ

ตัวอย่าง:

  • ลุมพินี ต่างจากพุทธมณฑล 16.35 องศา = ห่าง 1.24 วัน
  • พุทธคยา ต่าง 16.2 องศา = ห่าง 1.23 วัน
  • กุสินารา ต่าง 16.36 องศา = ห่าง 1.24 วัน

ข้อสงสัยในเชิงประวัติศาสตร์และวิทยาศาสตร์

จากข้อมูลเชิงพิกัดและระยะเวลา จึงเกิดข้อสงสัยว่าสถานที่ที่ระบุไว้ในพระไตรปิฎกนั้นเป็นสถานที่จริงหรือไม่ เพราะพระจันทร์ในวันวิสาขบูชาที่ไทยเต็มดวงแล้ว แต่ในอินเดียและเนปาลยังไม่ถึงขึ้น 15 ค่ำ การแย้งว่าสมัยพุทธกาลไม่มีเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์อาจใช้ไม่ได้ เพราะในสมัยรัชกาลที่ 4 (พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) ยังสามารถคำนวณสุริยุปราคาได้อย่างแม่นยำ ซึ่งแสดงว่าหลักดาราศาสตร์ไทยนั้นมีความแม่นยำพอสมควรตั้งแต่โบราณ

แม้วันวิสาขบูชาจะมีความสำคัญทางจิตวิญญาณอย่างสูงสุดในหมู่ชาวพุทธทั่วโลก แต่เมื่อพิจารณาในแง่มุมวิทยาศาสตร์โดยเปรียบเทียบตำแหน่งทางภูมิศาสตร์กับปรากฏการณ์พระจันทร์เต็มดวง กลับพบข้อคลาดเคลื่อนระหว่างวันที่กำหนดในประเทศไทยกับสถานที่ในพระไตรปิฎก ซึ่งเปิดพื้นที่ให้เกิดการวิพากษ์เชิงวิชาการและการตีความทางประวัติศาสตร์ได้อย่างน่าสนใจต่อไป

บทส่งท้าย: แสงแห่งปัญญาผ่านจักรราศี

ความลุ่มลึกของการศึกษา “ดวงพระพุทธชะตา” มิได้เป็นเพียงเรื่องของโหราศาสตร์ หากแต่เป็นสภาวะของจิตใจที่ใคร่แสวงหาเหตุแห่งปัญญา ด้วยดวงดาวและเวลาเป็นเพียงภาพสะท้อนของความละเอียดถี่ถ้วน ความศรัทธา และความกล้าในการตั้งคำถามต่อสิ่งที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ที่ให้รายละเอียดของเวลาได้ถึงระดับนาที และตามช่วงเวลาตกฟาก กับช่วงเวลาที่ในประเทศอินเดียและเนปาน จะพบว่า การมองเห็นพระจันทร์ คือช่วงเวลากลางคืน ก็จะสอดคล้องกับความคลาดเคลื่อนของเวลาประสูติ ตรัสรู และปรินิพพาน ตามข้อมูล ซึ่งตอกย้ำชัดว่า สถานที่ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานของพระพุทธเจ้า ที่ระบุในพระไตรปิฎก กับข้อมูลรายละเอียดของเวลานั้น ไม่ใช่สถานที่เดียวกัน

และในวันวิสาขบูชาเช่นนี้ ขอให้ทุกท่านได้หวนระลึกถึงพุทธะ ไม่เพียงในวันเดือนปี หากแต่ในความสว่างไสวของจิตที่พ้นจากอวิชชา โดยไม่ว่าดวงดาวจะชี้ทิศทางใด—แสงแห่งธรรมยังคงนำทางเสมอ

แหล่งอ้างอิง: อรรถวาทีธรรมประวรรต (วิเชียร จันทร์หอม), เอกสารโหราศาสตร์ไทย, โพสต์ต้นฉบับจากผู้ใช้งานออนไลน์ (พ.ศ. ๒๕๖๘) , https://www.innews.news/news.php?n=59068ขอบขอบพระคุณเพจ : ธนบดี วรุณศรี: https://www.facebook.com/thanabodee.tace , อกฺขรยนฺตรา : https://www.facebook.com/profile.php?id=61551553584424