LEARNING

มจธ.ราชบุรีเปิดโมเดล'อศม.'กลไกหยุด เด็กหลุดจากระบบสู่Zero Dropout



ราชบุรี-จังหวัดราชบุรีคือหนึ่งในพื้นที่ที่สะท้อนปัญหา “เด็กหลุดจากระบบการศึกษา” ได้ชัดเจนพื้นที่หนึ่งของประเทศ สถิติในปี 2567 พบว่ามีเด็กกว่า 13,000 คน ที่ไม่มีชื่อในระบบการศึกษา (ข้อมูลจาก Thailand Zero Dropout) ส่วนใหญ่เกิดจากบริบทด้านเศรษฐกิจและสังคม เด็กจำนวนมากต้องอยู่ในภาวะ “ชีวิตบังคับ” ต้องช่วยพ่อแม่ทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ดูแลผู้สูงอายุ หรือมีภาระทางเศรษฐกิจกดทับจนเรื่อง “การเรียน” ไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป ซึ่งทำให้เด็กหลายคนค่อย ๆ หายไปจากห้องเรียนโดยไม่มีใครรู้ตัว

ตลอดเวลากว่า 20 ปีที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (ราชบุรี)  เข้าไปทำงานด้านการศึกษาในพื้นที่ห่างไกลภายใต้แผนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารตามพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐา    ธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยเริ่มจากการสนับสนุนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน 5 แห่งในจังหวัดราชบุรีในขณะนั้น  ทั้งด้านปรับปรุงห้องเรียน หอพัก สนับสนุนคอมพิวเตอร์และสอนให้นักเรียนรู้จักการใช้งานและซ่อมแซมเบื้องต้นด้วยตนเอง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) พบว่าปัญหาการศึกษาไม่ได้อยู่เพียงในโรงเรียน แต่เชื่อมโยงกับบริบทของชุมชนและครอบครัว  โดยเฉพาะช่วงเกิดวิกฤตโควิด-19 ที่ตอกย้ำความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาอย่างรุนแรง เมื่อโรงเรียนให้เด็กเรียนออนไลน์จากที่บ้าน แต่เด็กจำนวนมากขาดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์  ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ผู้ปกครองไม่สามารถช่วยเหลือการเรียนของลูกที่บ้าน ทำให้เกิดภาวะการเรียนรู้ถดถอย (Learning Loss) เพื่อหาทางออก มจธ. ราชบุรี จึงขยับบทบาทจาก“ผู้สนับสนุน” สู่ “ผู้สร้างนวัตกรรมกลไกการศึกษาระดับชุมชน” เพื่อปิดช่องว่างปัญหาเท่าที่จะทำได้ 

ดร.กฤษณพงษ์ กีรติกร ที่ปรึกษา มจธ. ได้ให้คำแนะนำเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยใช้กลไกอาสาสมัครการศึกษา โดยศึกษาจากการทำงานของ “อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน” (อสม.) ที่สามารถขับเคลื่อนการดูแลสุขภาพระดับชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แนวคิดจึงถูกต่อยอดสู่การสร้าง “อาสาสมัครการศึกษาหมู่บ้าน” หรือ อศม. เพื่อให้มีคนในพื้นที่ที่มีความรู้ เช่น ผู้จบ ม.6 หรือปริญญาตรี เข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยครู เชื่อมโยงโรงเรียนกับชุมชนและครอบครัว  

มจธ. ราชบุรี นำร่อง กลไก อศม. ใน 5 โรงเรียนอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี และต่อมาได้ขยายไปในโรงเรียนอื่นในพื้นที่ชายขอบ ดร.รัตนา รุ่งศิริสกุล อาจารย์ประจำ มจธ. ราชบุรี อธิบายว่า “อศม. เป็นกลไกที่ช่วยสนับสนุนครูในการสนับสนุนการเรียนของเด็กในพื้นที่ห่างไกล อศม.จะได้รับการพัฒนาทักษะทั้งด้านเทคนิคการจัดการเรียนรู้ การใช้คู่มือสอนภาษาไทยสำหรับผู้ไม่ใช่ครู เพื่อช่วยแก้ปัญหาเด็กอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ รวมถึงลงพื้นที่เยี่ยมบ้าน ติดตามเด็กกลุ่มเสี่ยง และจัดกิจกรรมเสริมทักษะพื้นฐานให้กับเด็กในชุมชน ถือเป็นก้าวสำคัญของการสร้าง “กลไกการศึกษาโดยคนในพื้นที่” ที่มุ่งให้เด็กทุกคนมีโอกาสเรียนรู้อย่างเท่าเทียม”

ความสำเร็จของ “อศม.” ได้ถูกต่อยอดสู่การทำงานเชิงระบบผ่านทุนสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริม ววน. และหน่วยบริหารและจัดการทุนพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.)  พัฒนาเป็นโครงการ "การพัฒนาระบบอาสาสมัครการศึกษาหมู่บ้าน เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา สร้างโอกาสการประกอบอาชีพ และลดความเหลื่อมล้ำในพื้นที่ชายขอบ: กรณีศึกษาอําเภอจอมบึง-สวนผึ้ง-บ้านคา จังหวัดราชบุรี” กลไกอาสาสมัครการศึกษาหมู่บ้าน (อศม.) ต่อมาเป็นกลไกสำคัญในการทำงานและสนับสนุนเป้าหมายระดับชาติในโครงการ “Zero Dropout” เพื่อแก้ปัญหาเด็กหลุดออกจากระบบการศึกษา โดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแสนสิริ ผ่านกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) โดยมีจังหวัดราชบุรีเป็นพื้นที่นำร่องในการขับเคลื่อน

“การค้นหาเด็กหลุดจากระบบใช้วิธี “เดินเท้าเคาะประตูบ้าน” โดยอาศัยเครือข่ายท้องถิ่น ได้แก่ อสม. สาธารณสุข กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ครู กศน. และอศม. ทำให้ได้ข้อมูลเด็กหลุดจากระบบจำนวน ประมาณ 400 คน ใน 5 อำเภอ ภายในระยะเวลาเพียง 3 เดือน ข้อมูลที่ได้จากการเดินเท้าในชุมชนมีความละเอียดและถูกต้องกว่า เพราะเราเห็นเด็กจริง ๆ และช่วยตรวจทานข้อเท็จจริงกับข้อมูลเด็กหลุดออกจากโรงเรียนที่สำรวจพบจากข้อมูลทะเบียน

โครงการ Zero Dropout จังหวัดราชบุรี นอกจากการนำเด็กกลับเข้าสู่โรงเรียนแล้ว โครงการยังได้ริเริ่มแนวคิด 1 โรงเรียน 3 รูปแบบ จัดการเรียนทั้งในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย เพื่อทำให้การเรียนรู้มีความยืดหยุ่น รองรับเด็กที่ไม่สามารถมาเรียนได้ครบทุกวันเนื่องจากต้องช่วยพ่อแม่ทำงาน โดยเปิดโอกาสให้เด็กสามารถเรียนจากที่บ้าน หรือเรียนตามอัธยาศัยที่มีการจัดทำหลักสูตรเฉพาะ เพื่อให้เด็กทุกคนได้รับโอกาสการเรียนและสามารถเรียนต่อจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน

นอกจากนั้น  มจธ.ราชบุรี  ยังได้ทำงานกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาราชบุรี เขต 1 เพื่อพัฒนาหลักสูตรสมรรถนะอาชีพ เป็นหลักสูตรที่เชื่อมโยงการเรียนรู้กับ "ปากท้องและอาชีพ" ในชุมชน เช่น การเลี้ยงไก่, การเลี้ยงปลา, การปลูกผัก, การทำสบู่ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างการเรียนรู้ที่บูรณาการทั้งความรู้ (Knowledge), ทักษะ (Skill) และทัศนคติ (Attitude) หรือ K-S-A หลักสูตรนี้ถูกพัฒนาในรูปแบบคู่มือเพื่อให้โรงเรียนในพื้นที่อื่นสามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที ซึ่งเอื้อต่อการขยายผลไปยังพื้นที่ที่มีบริบทคล้ายราชบุรี เช่น น่าน อมก๋อย หรือ ตาก

ในเชิงระบบ มจธ.ราชบุรี ร่วมกับภาคีที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการจัดตั้งสมัชชาการศึกษาจังหวัดราชบุรี เพื่อเป็นกลไกการทำงานคู่ขนานกับกลไกภาครัฐเพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาเด็กหลุดออกจากโรงเรียน และบรรเทาปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา 

ทั้งนี้ อาจารย์รัตนา ย้ำว่า "คำว่า Zero Dropout ไม่ได้หมายถึงไม่มีเด็กหลุดออกจากโรงเรียนเลย แต่หมายถึงว่าเด็กทุกคนต้องมีกลไกติดตามให้เด็กอยู่ในสายตา เราต้องรู้ว่าเด็กอยู่ที่ไหน อยู่ในสถานะใด และทำอย่างไรให้เขาได้รับโอกาสทางการศึกษาที่เหมาะสมที่สุด"