EDU Research & ESG

'อภัยภูเบศร'ชวนเรียนต่อ'แพทย์แผนไทย' เป็นพลังซอพท์พาวเวอร์อนาคตไกล



 ปราจีนบุรี- “อภัยภูเบศร” เชิญชวน เรียนต่อ วิทยาลัยการแพทย์แผนไทย สืบสาน ต่อยอด รักษาภูมิปัญญาแผ่นดิน เชื่อ เป็นพลังซอพท์พาวเวอร์อนาคตไกล ทั่วโลกให้การยอมรับ

วันนี้ 5 ต.ค. 67  ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรี รายงานว่า   ได้รับแจ้ง ที่วิทยาลัยการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี   ในสังกัด คณะสาธารณสุขศาสตร์และสหเวชศาสตร์ สถาบันบรมราชชนก จัดแนะแนวการศึกษาต่อระดับปริญญาตรีให้กับผู้บริหารโรงเรียน อาจารย์แนะแนว นักเรียน ผู้ปกครอง ใน จ.ปราจีนบุรี และ จ.ใกล้เคียง

เพื่อให้เกิดความมั่นใจ ว่าการศึกษาการแพทย์แผนไทย เป็นภูมิปัญญาโบราณ ที่อยู่คู่คนไทยมานาน เป็นซอฟท์พาวเวอร์ที่ต่างชาติให้การยอมรับ สามารถต่อยอดไปประกอบอาชีพได้  โดยมี รศ.ดร.วิทยา อยู่สุข คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์และสหเวชศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร เลขาธิการมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร อ.ชลาลัย โชคดีศรีจันทร์ รองผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยและบริการวิชาการ วิทยาลัยการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร ร่วมบรรยาย 

รศ.ดร.วิทยา กล่าวว่า  สถาบันพระบรมราชชนก เปิดสอนหลักสูตรการแพทย์แผนไทยประยุกต์บัณฑิต มีความสัมพันธ์อันยาวนานกับโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ที่ให้ความร่วมมือทั้งด้านกายภาพ และวิชาการ ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพร และการให้บริการด้านการแพทย์แผนไทยมานานเกือบ 40 ปี 

 และยังเป็นแหล่งฝึกอบรมหลักสูตรด้านการแพทย์แผนไทยที่ได้รับการรับรองให้เป็นสถาบันฝึกอบรมด้านการแพทย์แผนไทย เป็นแหล่งศึกษาดูงานด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพร และการจัดระบบบริการด้านการแพทย์แผนไทย แก่ผู้มาศึกษาดูงานทั้งในและต่างประเทศ 

จังหวัดปราจีนบุรีจึงได้ก่อสร้างอาคารวิทยาลัยการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศรแห่งนี้ขึ้น  จึงอยากให้ความมั่นใจกับ ท่านผู้อำนวยการ อาจารย์แนะแนว นักเรียน ตลอดจนผู้ปกครองทุกท่านว่า การเข้าศึกษาในวิทยาลัยฯ จะมีอนาคตอย่างแน่นอน 

ดร.สุภาภรณ์ กล่าวว่า เรื่องของการแพทย์แผนไทยเป็นภารกิจของคนไทย ที่ต้องสืบสานฟื้นฟู เป็นพลังของซอฟท์พาวเวอร์ที่ช่วยชีวิตคนได้จริง มีภาคปฏิบัติในชีวิต ซึ่งมันมากกว่าความสวยงามสีสันที่มีความสุขทางใจอย่างเดียว แต่เป็นรากเหง้าของภูมิปัญญา และสามารถพัฒนาให้ร่วมสมัย เป็นเครื่องดื่ม เป็นอาหาร เช่น ชาตัวหอม ในอดีตใช้ดื่มก่อนการถวายตัว และ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ก็นำมาคิดทำเป็นสูตรเฉพาะของเรา ถ้าชงดื่มเป็นประจำก็จะทำให้มีกลิ่นกายหอม 

นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์จำพวกยาดม ซึ่งหมอแผนปัจจุบันไม่ได้สั่งจ่าย แต่แผนไทยมีคำอธิบาย ว่าความเครียดเกิดจากธาตุลม เพราะฉะนั้นเราต้องจัดการกับธาตุลม ด้วยกลิ่นหอมของสมุนไพรความเครียดก็จะเบาลง สมุนไพร การแพทย์แผนไทย ก็จะสามารถหยิบใช้ได้เร็ว ทันต่อสถานการณ์ เช่นในสถานการณ์โควิด เราก็มีฟ้าทะลายโจร ที่สามารถลดการเจ็บป่วยและเสียชีวิตได้จำนวนมาก นอกจากนี้ ยังมี ยาหม่องที่ใช้ได้ทั้ง กันยุง แมงกัดต่อย แก้น้ำกัดเท้า และยังดมแก้หวัด ได้อีกด้วยเหมาะกับสถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้มาก 

ดร.สุภาภรณ์ กล่าวว่า การแพทย์แผนไทยสามารถแก้โรคบางโรคได้ดีกว่าแพทย์แผนปัจจุบัน เช่น โรคลม โรคสตรี การผดุงครรภ์ ที่ต้องใช้การรักษาแบบผสมผสานทั้งแผนไทยและแผนปัจจุบัน อภัยภูเบศรเราเห็นปัญหาของประเทศที่ต้องซื้อยา เมื่อ 40 ปีก่อน ราว 30,000 ล้านบาท ปัจจุบันสูงถึง 200,000 ล้าน ทั้งที่ยาบางชนิดก็มารักษาโรคพื้นฐานที่สามารถรักษาได้จากภูมิปัญญา เช่น ไอ ถ่ายไม่ออก โรคผิวหนัง ทำไมเราไม่ผสมผสานกับการแพทย์พื้นบ้าน ที่มีการตรวจตามทฤษฎีธาตุซึ่งแต่ละบุคคลจะแตกต่างกัน

 โดยส่วนตัวเองก็เป็นเภสัชกรแผนปัจจุบัน เมื่อ 40 ปีที่แล้วเภสัชกร เป็นวิชาชีพเดียวที่ได้รับอนุญาตให้สอนเรื่องสมุนไพรชาวบ้านได้ เนื่องจากสมัยก่อนไม่มีแพทย์แผนไทย แต่ปรากฏว่าความรู้เราน้อยกว่าชาวบ้านเยอะมาก แต่พวกเขาเหล่านั้นกลับถูกละเลย นั่นเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ตนหันมาศึกษาสมุนไพรอย่างจริงจังโดยมีเป้าหมายว่าต้นไม้ทุกต้นเป็นยาและอนุรักษ์ภูมิปัญญาโบราณที่ผ่านการ กิน ใช้ มาหลายร้อยปี ไว้เป็นสมบัติของแผ่นดินให้ได้มากที่สุด เราไม่ได้เริ่มจากศูนย์ แต่เราต่อยอดภูมิปัญญา เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางสุขภาพ และความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจของไทย 

เลขาธิการมูลนิธิ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวด้วยว่า วิทยาลัยการแพทย์แผนไทยฯ ผลิตแพทย์แผนไทยประยุกต์ ที่เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ และเชี่ยวชาญด้านแผนไทยด้วย เนื่องจากเราต้องทำงานกับหมอแผนปัจจุบัน ดังนั้นจึงต้องเรียนวิทยาศาสตร์อย่างเข้มข้น

 นอกจากการแพทย์แผนไทย ยังเป็นวิชาชีพที่มีคนไข้ของตัวเองเหมือนหมอแผนปัจจุบันสามารถสั่งยาแผนไทยให้คนไข้ได้ สามารถเรียนต่อได้ทั้งแผนไทยและแผนปัจจุบัน และยังสามารถสอบใบประกอบวิชาชีพเพื่อเปิดร้านยาไทยได้ 

 โดยส่วนตัวมองว่าเป็นคณะที่น่าเรียนที่สุดเพราะเป็นวิชาชีพเฉพาะด้าน ที่เอไอเองก็ไม่สามารถอธิบายได้ อีกทั้งยังเป็นอนาคตและทรัพย์ของแผ่นดินด้วย “เราเชื่อว่าถ้าเรามีรากที่แข็งแรง ลำต้นก็จะแข็งแรงตามไปด้วย ต่างชาติเข้ามาดูงานที่อภัยภูเบศรบ่อยครั้ง และชื่นชมเรามาก นี่ล่ะซอฟท์พาวเวอร์อย่างแท้จริง 

เรามีตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร สถาบันการแพทย์แผนไทย ร้านยาไทยโพธิ์เงิน มีสปา ภูมิภูเบศรอบรมให้คนทำยา เพื่อดูแลตัวเองได้ด้วยสมุนไพร  มีตึกนวัตกรรมเพื่อไว้รองรับความร่วมมือทางวิจัยกับต่างประเทศ ตอนนี้สงครามกำลังเกิด ถ้ามีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ยาขาด สมุนไพรซึ่งเป็นทรัพย์ในดินของเราจะสามารถช่วยคนได้ทั้งประเทศ นอกจากนี้ นวดไทย ยังมีชื่อเสียงในระดับโลกและขณะนี้ก็ได้ถูกจดเป็นมรดกโลกไปแล้ว 

ด้านอาจารย์ชลาลัย ได้พูดถึงความสำเร็จของการผลิตบุคลากรแพทย์แผนไทยกว่า 20 ปี ที่ผ่านมา ผลิตแพทย์แผนไทยประยุกต์มากว่า 15 รุ่น หรือประมาณ 700 คน มีทั้งที่จบและทำงานตรงสายปฏิบัติในระบบราชการ และเอกชน นอกจากการทำงานรวมถึงการเป็นเจ้าของกิจการสถานพยาบาลของตนเอง ที่มีทั้งสถานพยาบาลการแพทย์แผนไทย และสถานพยาบาลสหคลินิก ทั้งในไทยและต่างประเทศ ความสำเร็จทั้งหมดนี้เป็นหลักฐานที่ประจักษ์ได้ว่า วิทยาลัยการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี พร้อมที่จะเป็นอีกหนึ่งกำลังในการพัฒนาให้คนรุ่นต่อ ๆ ไป ได้เป็นบุคคลที่มีคุณค่าในสังคมได้อย่างภาคภูมิ ท่านที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊กวิทยาลัยการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี หรือโทร 037-454470

นอกจากนี้ภายในงาน ยังจัดกิจกรรม เวิร์คช็อป “Multiverse กับ หมอหลวง” โดยจำลองการจัดการเรียนการสอนแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร ด้วย

มานิตย์ สนับบุญ- ข่าว/ณัฐนันท์ – ภาพ/ ปราจีนบุรี