Authority & Harm

หนุ่มปศุสัตว์'หลอนยา'ขังตัวเองพร้อมลูก ญาติขอปค.ช่วยหวั่นอันตรายพบปืนเพียบ



พังงา-หนุ่มปศุสัตว์ หลอนยา ขังตัวเองพร้อมลูกสาว ลูกชาย ไว้ในบ้าน ญาติร้องให้ฝ่ายปกครองเข้าช่วยเหลือ ลูกด่วน ในที่สุดยอมมอบตัว นำตัวค้นบ้านพบอาวุธปืนหลายกระบอก พร้อมเครื่องผลิตอาวุธปืน ตลึง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ว่าการอำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา พร้อมด้วยนายกลวัชร ทรัพย์ส่งสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา นายเศวตฉัตร สุวรรณรัตน์ นายอำเภอท้ายเหมือง นายพรรษิษฐ์ อุตะมะมุณีย์ ปลัดอาวุโส ท้ายเหมือง พ.ต.อ.ชัยพฤกษ์ ผาติวรากร ผกก.ท้ายเหมือง นายธีร์ธาวัช แสงเขียว ป้องกันจังหวัดพังงา นายเจษฎา ธิติมุทา ผู้ช่วยปลัดป้องกันจังหวัดพังงา นายอโนทัย ช่วยนา ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงอำเภอตะกั่วป่า นางมนรัตน์ ณ ระนอง นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทนพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพังงา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ได้ประชุม ด่วน เพื่อเข้าช่วยเหลือเด็ก 2 คน อายุ  4 ปี และอายุ  5 ปี หลังจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายด่วน 1300 และทางนางสาวสุธิศา โบราณ แม่เด็กที่อยู่จังหวัดชลบุรี เข้าร้องเรียนต่อนายเศวตฉัตร สุวรรณรัตน์ นายอำเภอท้ายเหมือง และแจ้งความร้องทุกข์ ที่ สภ.ท้ายเหมือง เพื่อให้เข้าช่วยเหลือลูกทั้ง 2 คน หลังจากมีบิดาทำร้ายร่างกายบุตรอายุ 4 ขวบ และอายุ 5 ขวบ  (ผู้กระทำ) ชื่อ นายทรงกฤช เจียรนัยศิลป์ อายุ 39 ปี  อาชีพ สัตวแพทย์ ทำร้ายร่างกายบุตร  4 ขวบ และลูกคนโตอายุ 5 ขวบ ซึ่งทางเจ้าหน้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพังงาพร้อมด้วยทีมสหวิชาชีพ ประกอบด้วยฝ่ายปกครองอำเภอท้ายเหมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลท้ายเหมือง ได้ประชุมทีมสหวิชาชีพเพื่อวางแผนการช่วยเหลือเด็กเด็กอายุ 4 ขวบ และอายุ 5 ขวบ ส่วนเด็กมีร่องรอยการทำร้ายเด็ก อายุ 4 ขวบ เป็นบาดแผลฟกช้ำและลอยขีดข่วน ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพังงา ได้เข้าคุ้มครองเด็กตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546

จากการสอบถามข้อเท็จจริงจากครอบครัวทราบว่า เด็กชาย อายุ 4 ขวบ และพี่สาวคนโต และ อายุ 5 ขวบ อาศัยอยู่กับบิดา ชื่อนายทรงกฤช เจียรนัยศิลป์ โดยพ่อแม่ของเด็กได้การหย่าร้างกันและคำสั่งศาลให้บิดามีอำนาจในการปกครองบุตรทั้ง 2 คน โดยที่มารดามีสิทธิในการเลี้ยงดูบุตรในช่วงปิดเทอม โดยที่ประชุมเห็นควรให้ฝ่ายปกครองอำเภอท้ายเหมือง พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่บ้านเกิดเหตุเพื่อช่วยเหลือเด็กทั้ง 2 คน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่วางแผนโทรหานายทรงกฤช เจียรนัยศิลป์ พ่อแม่ของเด็ก ให้เดินทางมายังที่ว่าการอำเภอท้ายเหมือง พร้อมให้พาลูกๆมาด้วย ซึ่งเจ้าตัวยอมขับรถออกจากบ้านเพื่อมาหาเจ้าหน้าที่ พบกับนายเศวตฉัตร สุวรรณรัตน์ นายอำเภอท้ายเหมืองจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ร่วมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้กันเด็กออกจากพ่อพร้อมเข้าตรวจค้นรถพบอาวุธสั่นขนาด 9 มม. 1 กระบอกบรรจุลูกกระสุนไว้เต็มแม็ค และอาวุธปืนยาวใช้ยิงสัตว์ จำนวน 1 กระบอกภายในรถเก๋งที่ขับมาด้วย ทางเจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมพร้อมนำตัวตรวจสารเสพติดพบว่ามีฉี่ม่วง 

ต่อจากนั้นได้ขยายผลนำตัวนายทรงกฤช เจียรนัยศิลป์ ไปค้นบ้านพัก จำนวน  2 แห่ง แห่งแรกพบอาวุธปืนจำนวนหลายกระบอกที่อยู่ภายในบ้านหลายกระบอก และใกล้กันได้ตรวจค้นแห่งที่ 2เป็นบ้าน 4 คูหา ซึ่งหน้าบ้านเปิดเป็นคลินิกรักษาสัตว์  เจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นเข้าไปภายในบ้าน ถึงกับ ตลึง พบเป็นแหล่งผลิตอาวุธปืนที่มีแท่นกลึงจำนวนหลายตัว และอาวุธปืนที่ใช้ยิงสัตว์จำนวนหลายกระบอก โดยผู้ต้องหายอมรับว่า ตนเป็นผู้มีความรู้ในด้านผลิตอาวุธปืนสำหรับยิงสัตว์ ระดับประเทศ  ราคาตังแต่หลักหมื่น  ถึงหลักแสนบาท  

นายเศวตฉัตร สุวรรณรัตน์ นายอำเภอท้ายเหมือง (ชุดกากี)กล่าวว่า  ได้รับการ้องเรียนจากชาวบ้าน จึงได้เข้าตรวจค้นวันนี้ จึงพบกับสิ่งที่น่าตลึง และน่าตกใจ เมื่อพบเครื่องผลิตอาวุธปืนขนาดใหญ่และทันสมัยอย่างที่เห็น   สั่งการทำงานด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์และได้ทำการยึดสิ่งของที่พบไปทั้งหมด  เพื่อดำเนินคดีต่อไป